ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

หมอที่แท้จริง

     ที่มณฑล จื่อ เจียง มีนายแพทย์ท่านหนึ่งแซ่ หวัง นามว่า ซิ้ว เหยียน เป็นผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคต่างๆ จนชื่อเสียงเกียรติคุณของท่านเลื่องลือไปทั่ว      ครั้งหนึ่งมีคนไข้หน้าตาอัปลักษณ์น่ากลัวมากคนหนึ่ง มาขอรับการรักษาจากคุณหมอหวัง ตั้งแต่เดินเข้ามาเขาร้องครวญครางไม่หยุด เมื่อคุณหมอตรวจดูตามร้างกายก็พบว่า ตรงกลางแผ่นหลังของคนไข้ผู้นั้นมีฝีขนาดใหญ่มาก! มันปูดนูนขึ้นจนเกือบเท่ากะลามะพร้าวและรอบๆฝีใหญ่ก็มีฝีเม็ดเล็กๆ มากมายกระจายอยู่เป็นวงกว้าง      ชายคนนี้อาการน่าเป็นห่วงมาก ฝีที่เป็นอยู่ใกล้จะแตกเต็มทีแล้ว คุณหมอหวังรู้สึกหนักใจไม่น้อย ท่านจึงได้สอบถามเขาว่า       "ทุกวันนี้เธอทำมาหากินอะไร? ขอให้บอกมาตรงๆน่ะ" ชายผู้นั้นตอบว่า      " กระผมเป็นคนทำปืนสำหรับยิงนก ตอนกลางคืนก็จะออกไปซุ่มดักจับนกเพื่อนำไปขาย...ขอรับ" คุณหมอหวังได้ยินคำตอบเช่นนั้นแล้วจึงอธิบายให้เขาฟังว่า       "โรคที่เธอเป็นอยู่ขณะนี้ ตั้งแต่โบราณเรียกขานว่า "โรคฝีร้อยวิหกล้อมราชา" โดยทั่วไปพบเห็นน้อยมาก หมอเชื่อว่ามั...

มุ่งมั่นตั้งใจจริง

     เฉิน ซิง ถั่น เป็นผู้ช่วยนายอำเภออยู่ในมณฑล ฝู่ โจว ตอนหนุ่มๆ ก่อนที่จะสอบเข้ารับราชการ เขากับเพื่อนๆนักศึกษาที่มาจากอำเภอ ซีหู กำลังจะพากันไปกินเลี้ยงที่ร้านอาหารในเมือง      เมื่อมาถึงหน้าร้านอาหารขณะที่ทุกคนกำลังจะเดินเข้าประตู เฉิน ซิง ถั่น เห็นชายคนหนึ่งใช้ไม้ตีวัวไม่หยุด แต่ไม่ว่าจะตีเท่าไหร่วัวก็ไม่ยอมไป เขาจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็เห็นวัวตัวนั้นสองแก้มเปียกชุ่ม น้ำตาร่วงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตลอดเวลา มันคงรู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน      นักศึกษาหนุ่ม เฉิน ซิง ถั่น ยืนนิ่งด้วยความสงสาร สักครู่เมื่อคิดขึ้นได้เขาจึงเอ่ยถามชายเจ้าของวัวให้รู้ว่า จะต้องใช้เงินสักเท่าไรเพื่อซื้อวัวตัวนั้นครั้นตกลงราคากันเรียบร้อยแล้ว เฉิน ซิง ถั่น จึงเดินกลับมาคุยกับเพื่อนๆ ที่รอเขาอยู่ว่า       "ที่พวกเราเตรียมตัวกันมากินเลี้ยงในวันนี้ มีเงินกันคนละเท่าไร?       ข้าพเจ้าอยากขอเรี่ยรายรวบรวมจากทุกคน       เพื่อนำไปซื้อวัวที่กำลังจะถูกส่งไปฆ่า หวังว่าเพื่อนๆ ทั้งหลายจะร่วมจิตร่วมใจกันสร้างคว...

เราช่วยเขา เขาช่วยเรา

         ในอดีตมีบัณฑิตผู้ใจบุญสุนทางคนหนึ่ง นิสัยของเขาโอบอ้อมอารีเมตตา ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ      วันหนึ่ง ขณะที่เขาไปเยี่ยมครอบครัวของญาติก็พบว่าแม่สุนัขในบ้านหลังนั้น เพิ่งจะคลอดลูกออกมา ๔ ตัว แต่ญาติของบัณฑิตผู้นี้เชื่อถือโชคลางเสียจนขาดเหตุผล ปล่อยให้ความหลงงมงายเข้าครอบงำมโนธรรมสำนึกแห่งเมตตาไปเสียสิ้น เขาเชื่อว่าสุนัขที่คลอดลูก ๔ ตัวเป็นอัปมงคลและเตรียมจะนำลูกสุนัขทั้งหมดไปโยนทิ้งแม่น้ำ      เมื่อบัณฑิตผู้ใจบุญทราบเรื่อง ก็รู้สึกสงสารลูกสุนัขทั้งสี่ที่กำลังน่ารัก ซึ่งเพิ่งจะเกิดมายังไม่ทันลืมตามองดูโลก กลับต้องถูกฆ่าโดยปราศจากความผิด มันไม่ถูกต้องเอาเสียเลย คิดเช่นนี้แล้วบัณฑิตท่านนี้จึงขอลูกสุนัขทั้ง ๔ ตัวเพื่อนำกลับไปเลี้ยงที่บ้านของตน โดยมิได้ใส่ใจในคำทักท้วงว่า " ไม่เป็นสิริมงคล" แต่อย่างไร      ด้วยความรักและการเอาใจใส่เลี้ยงดูอย่างมีเมตตา ลูกสุนัขทั้ง ๔ ตัวนับวันก็โตขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆตัวต่างรักและซื่อสัตย์ต่อเจ้านายของมันมาก      และแล้วเย็นวันหนึ่งเวลาจวนใกล้ค่ำ ขณะที่บัณฑิตกำ...

สื่อกันด้วยใจ

     ในปลายสมัยราชวงศ์ ชิง ประเทศจีนเกิดสงครามใหญ่บ้านเมืองวุ่นวายระส่ำระส่ายไปทั่วทุกแห่งหน เวลานั้นมีผู้บัญชาการทหารท่านหนึ่ง แซ่ ถัง นามว่า อี้ อัน ได้รับคำสั่งยกกำลังโดยทางเรือไปช่วย กองทหารของท่าน ฉี่ ซู่ เหยิน หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่ถังอี้อัน ยืนอยู่บนเรือเพื่อเดินทางกลับ จิตใจของท่านห่วงใยคิดถึงน้องชาย ซึ่งเป็นทหารประจำการอยู่ที่เซี้ยเหมิน      ขณะนั้นเองมีชาวประมง ๔ คน จับตะพาบยักษ์มาได้ตัวหนึ่งท่านผู้บัญชาการทหารเห็นแล้วรู้สึกสงสาร เมื่อเจรจาไต่ถามเพื่อขอซื้อไปปล่อย แต่ชาวประมงเรียกราคาสูงลิบลิ่ว ท่านจึงปรึกษากับภรยาว่าจะซื้อดีหรือไม่ คุณนายผู้เป็นภรรยาก็ไม่อยากซื้อเพราะราคาแพงเหลือเกิน      ขณะที่ทั้งสองกำลังจะปฏิเสธ อยู่ๆ ตะพาบน้ำยักษ์ตัวนั้นก็มีน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ภรรยาของท่านผู้บัญชาการเห็นแล้วรู้สึกเวทนาสงสารจับใจ จึงตัดสินใจซื้อตามราคาที่ถูกเรียกร้อง       ท่าน ถัง อี้ อัน และภรรยาให้คนช่วยอุ้มตะพาบน้ำยักษ์ไปที่ข้างเรือ ขณะนั้นเองท่านได้พูดขึ้นว่า       "ต...

ลูกกบร้องทุกข์

     ท่าน จาง กง รับราชการอยู่ในอำเภอ เส้า ซิน มณฑลจื่อ เจียง ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอ      มีอยู่คราวหนึ่ง ท่านต้องย้ายจากอำเภอ เส้า ซิน ไปอยู่อำเภอ ซิน หัว ระหว่างเดินทางต้องผ่านที่เปลี่ยวมาก ไม่มีบ้านเรือนผู้คนเลย ขณะนั้นเองท่าน จาง กง ก็ได้ยินเสียงร้องดังระงงไปทั่ว ฟังดูราวกับเสียงคร่ำครวญขอความช่วยเหลือท่านรู้สึกแปลกใจจึงสั่งให้หยุดขบวนเกี้ยวเดินทางเพื่อลงไปดู ก็พบว่ามันเป็นเสียงของลูกกบจำนวนมากมาย ลูกกบตัวเล็กๆเหล่านั้นกระโดดขึ้นมาบนถนนและเต้นไปข้างหน้าเรื่อยๆ ประหนึ่งว่ามันพยายามจะให้คนติดตามไป      ท่าน จาง กง และคนอื่นๆ จึงเดินตามลูกกบเหล่านั้นไปจนกระทั่งมาหยุดลงที่ริมคันนาแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นทุกคนก็พบร่างของชาย ๓ คนนอนทับกันอยู่ ท่านนายอำเภอได้สั่งให้ผู้ติดตามช่วยกันนำพวกเขาขึ้นมา ปรากฎว่า ๒ คนแรกตายไปเสียแล้ว แต่ชายคนที่ถูกทับอยู่ล่างสุดยังมีลมหายใจอยู่ ทั้งหมดจึงช่วยกันแก้ไขจนกระทั่งฟื้นขึ้นมาได้      หลังจากที่ชายผู้นั้นได้จิบน้ำอุ่นๆ และรู้สึกสบายดีแล้ว เขาก็คุกเข่าคารวะกราบของคุณท่าน จาง กง พร้อม...

มิใช่แค่ความฝัน

     หมู่บ้านแถบริมน้ำในมณฑล เจียงซู ผู้คนส่วนใหญ่หาเลี้ยงชีพด้วยการจับสัตว์น้ำ ไปขาย       ในหมู่บ้านนั้นมีเศรษฐีคนหนึ่ง แซ่ เจา ชอบกินเนื้อตะพาบน้ำที่สุด เขามักจะออกปากชักชวนชาวบ้านให้จับตะพาบน้ำตัวใหญ่ๆ พร้อมกับสัญญาว่าจะรับซื้อโดยให้ราคาสูง ดังนั้นชาวบ้านทั้งหลายจึงแห่กันไปจับตะพาบน้ำเพื่อนำไปขายให้แก่เศรษฐีเจา ทุกวัน      อยู่มาวันหนึ่ง เศรษฐีเจาหลับฝันว่า ได้ไปถึงศาลแห่งหนึ่ง ณ ที่นั้นมีวิญญาณของชายคนหนึ่ง กำลังฟ้องร้องเขาต่อพญายมที่ประทับอยู่เหนือบัลลังก์ว่า       "ข้าผู้น้อยได้ไปเกิดเป็นตะพาบน้ำเพื่อชดใช้กรรม ตลอดเวลาจึงตั้งใจบำเพ็ญภาวนาจำศีลอยู่ในถ้ำใต้น้ำ ไม่เคยมีเรื่องกับเศรษฐีเจาเลย แต่เขาเป็นคนมั่งมีร่ำรวยเสียเปล่า กลับไม่รู้จักสร้างบุญกุศล ทุกวันคิดหาแต่เรื่องกิน ร้ายยิ่งกว่านั้นยังชักชวนให้ผู้อื่นจับพวกเราไปขาย ตลอดเวลาชายผู้นี้ฆ่าลูกหลานของข้าผู้น้อยตายไปมากมายจนนับไม่ถ้วน นรกภูมิจะปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่อีกหรือ?"      เศรษฐีเจา ได้ยินเช่นนั้นก็กลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าโต้แย้งแต่อย่าง...

ผลกรรมจากอดีต

     ชายชราแซ่ ฉวี่ ใครๆ เรียกเขาว่า เหลาฉวี่ ทำงานเป็นคนรับใช้ในบ้านสกุล เกา ลุงฉวี่เป็นคนซื่อสัตย์ ขยันและมัธยัสถ์ จากคุณสมบัติที่ดีเหล่านี้จึงเป็นที่ไว้วางใจของท่านเจ้าของบ้าน ลุงฉวี่ได้รับหน้าที่พ่อบ้านคอยดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างในบ้านสกุลเกา คนรับใช้ทุกคนต่างก็เคารพรักและเชื่อฟังเขาเป็นอย่างดี      วันหนึ่งสายมากแล้วเกือบเที่ยงวัน ลุงฉวี่ก็ยังไม่ยอมออกจากห้อง คนในบ้านจึงไปเคาะประตูเรียกอยู่นาน ลุงฉวี่ถึงจะเปิดประตู ท่าทางของเขาอิดโรยอ่อนเพลียเหมือนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ครั้นสอบถามดู ลุงฉวี่จึงเล่าให้ทุกคนฟังว่า      " เมื่อ ๓๐ ปีก่อนโน้น สมัยที่ลุงยังหนุ่มๆ อายุแค่ ๒๐ ปี ตอนนั้นอยู่ที่ตำบลตงกวน ลุงเปิดร้านขายบะหมี่ใส่ปลาไหล กิจการดีมากลุกค้าพากันอุดหนุนจนแน่นร้าน ลุงต้องฆ่าปลาไหลวันละหลายสิบกิโลทุกๆวัน ติดต่อกันมาเกือบ ๓๐ ปีไม่มีขาด สามารถเก็บสะสมเงินได้หลายหมื่นชั่งทีเดียว      ในช่วงนั้น นำ้มันยางสำหรับทาเครื่องสานราคาลดลงมาก ลุงเห็นเป็นโอกาสเหมาะจึงนำเงินที่สะสมทั้งหมดไปซื้อเพื่อหวังจะเก็งกำไร แต่ไม่นึกเลยว่าจ...