จี้ เสี่ยว ตัน เป็นผู้บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
ในตำบลบ้านเกิดของเขามีชายคนหนึ่งแซ่ กู่ เป็นคนมีพละกำลังแข็งแรงมาก แต่หน้าตาอัปลักษณ์โหดเหี้ยม นายกู่มีอาชีพฆ่าวัว ภรรยาของเขามีความชำนาญในการใช้มีดฆ่าวัวไม่แพ้สามี ดังนั้นสามีภรรยาคู่นี้จึงผ่านการ "ฆ่า" มาอย่างโชกโชน วัวที่ตายด้วยฝีมือของคนทั้งสองนั้นมากมายนับไม่ถ้วน
อยู่มาวันหนึ่ง คนแซ่กู่เกิดมีอาการเจ็บตารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย ในที่สุดจึงต้องตาบอด ส่วนภรรยาของเขาก็ป่วยเป็นโรคประหลาดผิวหนังพุพองเน่าเฟะไปทั้งตัว เสื้อผ้าที่ใส่เมื่อเปื้อนเลือดและนำ้หนองพอแห้งก็ติดกับบาดแผลตามตัว ครั้นดึงออกก็กระชากเอาหนังหลุดติดมาด้วยเหมือนเอามีดคมๆมาเฉือนเนื้อ
ทุกคืนนางจะนอนร้องครวญครางและพร่ำพูดแต่ว่า
"นรกเอามีดมาปาดเนื้อข้า อย่างกับปาดเนื้อวัวควาย ทรมานเหลือเกิน!....ทนไม่ไหวแล้ว!"
บรรดาญาติพี่น้องที่มาเยี่ยม ก็ได้แต่เฝ้าดูอาการของนางด้วยความเวทนา เสียงร้องโหยหวลอยู่ทั้งวันทั้งคืน ได้ยินแล้วมันช่างน่ากลัวเสียจนขนลุกขนพอง
ภรรยาของนายกู่ทรมานเช่นนี้อยู่ถึง ๑๑ เดือน ก่อนตายแม่ของนางมาเห็นสภาพของบุตรสาว ก็ได้แต่หลั่งน้ำตาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
"การฆ่าเป็นกรรมที่รุนแรงเหลือเกิน
และที่หนักที่สุด ก็คือ ฆ่าวัวควายผู้มีบุญคุณต่อมนุษย์
ทำไมเราจะต้องเอาวัวควายมาฆ่ากิน...ทำไม?"
ฉะนั้นหวังว่าคนที่อยากจะกินสัตว์ทั้งหลาย ควรคิดแล้ว คิดอีก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น