ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

หมอที่แท้จริง


     ที่มณฑล จื่อ เจียง มีนายแพทย์ท่านหนึ่งแซ่ หวัง นามว่า ซิ้ว เหยียน เป็นผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคต่างๆ จนชื่อเสียงเกียรติคุณของท่านเลื่องลือไปทั่ว
     ครั้งหนึ่งมีคนไข้หน้าตาอัปลักษณ์น่ากลัวมากคนหนึ่ง มาขอรับการรักษาจากคุณหมอหวัง ตั้งแต่เดินเข้ามาเขาร้องครวญครางไม่หยุด เมื่อคุณหมอตรวจดูตามร้างกายก็พบว่า ตรงกลางแผ่นหลังของคนไข้ผู้นั้นมีฝีขนาดใหญ่มาก! มันปูดนูนขึ้นจนเกือบเท่ากะลามะพร้าวและรอบๆฝีใหญ่ก็มีฝีเม็ดเล็กๆ มากมายกระจายอยู่เป็นวงกว้าง
     ชายคนนี้อาการน่าเป็นห่วงมาก ฝีที่เป็นอยู่ใกล้จะแตกเต็มทีแล้ว คุณหมอหวังรู้สึกหนักใจไม่น้อย ท่านจึงได้สอบถามเขาว่า
     "ทุกวันนี้เธอทำมาหากินอะไร? ขอให้บอกมาตรงๆน่ะ" ชายผู้นั้นตอบว่า
     "กระผมเป็นคนทำปืนสำหรับยิงนก ตอนกลางคืนก็จะออกไปซุ่มดักจับนกเพื่อนำไปขาย...ขอรับ" คุณหมอหวังได้ยินคำตอบเช่นนั้นแล้วจึงอธิบายให้เขาฟังว่า
     "โรคที่เธอเป็นอยู่ขณะนี้ ตั้งแต่โบราณเรียกขานว่า "โรคฝีร้อยวิหกล้อมราชา" โดยทั่วไปพบเห็นน้อยมาก หมอเชื่อว่ามันเกิดขึ้นกับเธอ ก็เพราะกรรมชั่วที่ตัวเธอได้สะสมไว้ตั้งแต่อดีตจะเรียกว่า "โรคกรรม" ก็คงไม่ผิด
      ฝีนี้ถ้าแตกออกมาแล้วก็จะไม่มีทางรักษาหมอจะพยายามช่วยเหลือจนสุดความสามารถแต่เธอต้องให้สัจจะปฏิญาณต่อฟ้าดินว่า เมื่อหายแล้วจะเลิกทำมาหากินด้วยการฆ่าสัตว์และจับสัตว์ไปขายโดยเด็ดขาด เธอจะทำได้ไหม?"
     ชายผู้นั้นได้ปฏิบัติตามคำขอร้องของคุณหมอแต่โดยดี
     คุณหมอหวัง ใช้เวลารักษาราวครึ่งเดือน อาการของคนไข้ผู้นั้นก็ค่อยๆดีขึ้น จนหายเป็นปกติในที่สุด ตั้งแต่นั้นมาเขาก็หันมาทำอาชีพขายผัก เลิกล่านกโดยเด็ดขาด
     เห็นไหมว่า...เพราะความไม่รู้ จึงหลงฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
     ก่อกรรมทำเข็ญให้กับตัวเอง
     หากรู้จักปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้หวังดี
     เลิกทำมาหากินด้วยการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น
     ถ้าหากทำได้...เมื่อนั้นจึงสามารถ
     เปลี่ยนชะตาชีวิตของตนได้เช่นกัน
     ฟ้าเบื้องบน...ให้มนุษย์เลือกเดินด้วยตัวของตัวเองไม่ฝืนใจใคร
     ท่านหมอหวัง ซิ้ว เหยียน มีจิตเมตตาสูงส่ง
     ไม่เพียงรักษาโรค บำบัดทุกข์เข็ญ
     ยังทำให้คนหันมาสร้างความดี เลิกฆ่าสัตว์ หยุดก่อกรรม
     ท่านสามารถช่วยทั้งกายและใจ
     เช่นนี้...คือ " มหากุศลยิ่งใหญ่มิอาจประมาณ"
     พูดได้ว่าท่านเป็นหมอที่แท้จริง


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สละเนื้อช่วยนก

ในกาลก่อน เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่บำเพ็ญโพธิสัตว์ธรรม ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า     วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ที่ผอมโซ กำลังบินไล่ล่านกตัวเล็กๆ หมายจะกินเป็นอาหาร วิหกน้อยหวาดกลัวเป็นอันมาก มันพยายามบินหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจนสุดกำลัง ครั้นได้แลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับอันอยู่มิไกล นกน้อยตัวนั้นจึงโผบินลงสู่อ้อมอก ของพระองค์ทันที    พญาเหยี่ยวไม่กล้าติดตามเข้าไปใกล้ ได้แต่เฝ้าบินวนอยู่ไม่ไปไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ พญาเหยี่ยวผู้หิวโหยจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า    "ข้าแต่พระโพธิสัตว์เจ้า!  พระองค์อยากช่วยนกตัวเล็กๆ  แล้วจะปล่อยให้ข้าบาทต้องอดตายหรืออย่างไร?"     พระมหาโพธิสัตว์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทรงยิ้มแล้วตรัสแก่พญานกว่า     "ท่านประสงค์จะกินสิ่งใด เพื่อคลายหิวเล่า?"     พญาเหยี่ยวได้ทูลตอบทันทีว่า     "ข้าพระองค์ อยากกินเนื้อเป็นอาหาร"     พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า    " ถ้าเช่นนั้นเรายินดีมอบเนื้อของเรา ให้เป็นอาหารแก่ท่านแทนเนื้อของนกน้อยตัวนี้"     ขณะที่พระมหาโพธิสัตว์กำลังจะตัดเนื้อที

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

     ในสมัยราชวงศ์ หมิง มีนักปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง นามว่า หวง จี่ ซื่อ แม้ว่าในขณะนั้นแผ่นดินจะร้อนระอุไปด้วยเภทภัยรอบด้าน ผู้คนล้มตายลงอย่างน่าอนาถ แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นสร้างความดี โดยมิได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย      จิตใจของ หวง จี่ ซือ มีแต่ความเมตตาห่วงใย เอื้ออาทรต่อทุกชีวิต เขาทราบว่าบนเขามีพระสงฆ์ผู้ซึ่งบรรลุธรรมสูงสุดสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและเหตุการณ์ความเป็นไปทั้งหลายในโลก หวง จี่ ซือ ผู้บำเพ็ญธรรมจึงเดินทางขึ้นเขาเพื่อขอคำชี้แนะจากท่าน เขาได้กราบนมัสการถามพระอริยสงฆ์องค์นั้นว่า       "ข้าแต่พระคุรเจ้าผู้สูงยิ่งด้วยบารมีธรรม เวลานี้ผู้คนนับล้านล้มตายลงมากมายเนื่องด้วยภัยพิบัตินานับประการ ยากที่จะมีใครรอดพ้นได้ ขอพระคุณเจ้าได้โปรดเมตตาชี้แนะวิธีที่สามารถจะหยุดยั้งมหันตภัยนั้นให้ได้ทันการ ด้วยเถิด"       พระคุณเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ดวงหน้าของท่านมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า      " มีอย่างเดียว...อย่าฆ่าสัตว์! จงช่วยกันปลดปล่อยชีวิตสัตว์ทั้งหลายเถิด"       กล่าวจบ ท่านก็หลับตาลงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีกเลย

กรรมตามทัน

     ในวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง มีสมุดบันทึกเขียนเล่าว่า      ที่มณฑล ซูโจว มีร้านขายบะหมี่ใส่ปลาไหลย่างอยู่ร้านหนึ่ง ฝีมือที่ปรุงรสได้เป็นเลิศของเจ้าของร้านทำให้ขายดีเป็นที่หนึ่ง สาเหตุก็เพราะวิธีย่างปลาไหลที่ไม่เหมือนใคร เขาใช้ปลาไหลเป็นๆปล่อยลงไปบนแผ่นเหล็กที่มีขอบโดยรอบ ปลาไหลที่ถูกเผาจะดิ้นไปมาอยู่บนกระทะเหล็ก ซึ่งตั้งอยู่บนเตาร้อนๆ จนกระทั่งหนังของมันไหม้สุกและหลุดออกไป ปลาไหลต้องทรมานอยู่อย่างนี้จนตาย! เสร็จแล้วจึงถูกนำขึ้นมาสับวางบนบะหมี่ ลูกค้าทั้งหลายที่ติดอกติดใจในรสชาด ต่างพากันมาอุดหนุนจนแน่นร้านทุกวัน      อยู่มาคืนหนึ่งเจ้าของร้านบะหมี่อันลือชื่อได้ออกไปเที่ยวกลางดึกแล้วหายไปไม่กลับมา เช้าวันรุ่งขึ้นลูกๆจึงออกตามหาก็พบว่า เจ้าของร้านบะหมี่ผู้เป็นพ่อกลายเป็นศพลอยมาติดอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเสียแล้ว      ขณะที่ชาวบ้านช่วยกันเอาศพขึ้นจากน้ำ ทุกคนก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นปลาไหลมากมายกัดติดรอบๆเอวของศพเจ้าของร้านขายบะหมี่จนแน่น      ผู้คนที่มามุงดูต่างพูดกันว่าเป็น "กฎแห่งกรรม ทำมาหากินโดยฆ่าผู้อื่น สุดท้าย ก็ต้องตายเพราะถูกเขาฆ่า"