ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เซ่นไหว้ให้ถูกต้อง


     พระอาจารย์ เหลียนฉือ ต้า ซือ ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาจิตขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ได้บันทึกเรื่องราวไว้ว่า 
     ที่มณฑล จือ เจียง มีชายคนหนึ่งแซ่ จิน ได้ล้มป่วยมานานแต่ก่อนที่เขาจะตายได้กินเจอยู่ระยะหนึ่ง หลังจากที่ตายไปแล้วคนแซ่จินได้มาเข้าฝันเด็กคนหนึ่งว่า
     "ข้าบำเพ็ญความดีได้ไม่นานเลย เมื่อตายแล้ววิญญาณจึงไม่สามารถไปสู่สุคติภพ แต่ก็มีอิสระสามารถไปไหนได้อย่างเสรี"  เด็กชายคนนั้นจึงนำเรื่องที่ฝันไปเล่าให้ภรรยาคนแซ่จินฟัง
     ด้วยความห่วงใย ภรรยาของนายจินคิดอยากเซ่นไหว้ให้แก่สามี จึงจัดแจงฆ่าไก่ทำเป็นอาหาร แล้วนำไปเซ่นไหว้ที่หลุมฝังศพ
     แต่แล้วในคืนวันนั้นเอง นางก็ฝันเห็นสามี มาปรากฎตัวด้วยท่าทางที่ขึงขัง พร้อมกับกล่าวตำหนินางว่า
     "ทำไมเจ้าจึงต้องฆ่าไก่มาเซ่นไหว้ข้า? ข้าไม่ต้องการเลย!
     ก่อนหน้านี่ข้ามีอิสระไปไหนมาไหนอย่างเสรีแต่พอเจ้าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาเซ่นไหว้ที่หลุมฝังศพข้าแล้ว ตัวข้าต้องถูกยมฑูตในนรก คอยติดตามตวบคุมอยู่ตลอดเวลา ไม่อิสระเหมือนแต่ก่อน เจ้าไม่น่าทำเช่นนี้เลย!"
     ในความฝันขณะที่คนแซ่จินกำลังจะจากไป ภรรยาของเขาซึ่งอยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ได้ถามขึ้นว่าลูกในท้องของนางจะเป็นชายหรือหญิง นายจินผู้เป็นสามีได้ตอบว่า ลูกคนแรกจะเป็นชายแต่ต่อไปภายหน้าเมื่อนางแต่งงานใหม่ หากตั้งครรภ์อีกจะเป็นอันตรายทั้งแม่ทั้งลูก
     ต่อมาไม่นาน เมื่อภรรยาของนายจินคลอดลูก ก็ปรากฎว่าได้ลูกชายจริงตามที่นางฝัน อีกหลายปีต่อมาภรรยาของนายจินได้ตั้งครรภ์กับสามีใหม่ เมื่อถึงกำหนด เด็กคลอดลำบากมากจึงเสียชีวิตทั้งแม่ทั้งลูก! ในความฝันนั้นคนแซ่ จิน พูดไม่มีผิดเลย
     เหตุฉะนี้...หากเราฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษแล้วกลับทำให้ท่านต้องพลอยรับบาปกรรมไปด้วคนที่มีความกตัญญูจริง สมควรหรือที่จะทำให้วิญญาณของพ่อแม่ปู่ย่าตายายต้องทุกข์ยากลำบาก เพราะการกระทำของตัวอง
     หวังว่าคนที่มีความกตัญญูอย่างแท้จริง ควรรู้จักคิด
     ถึงวันปีใหม่ วันเซ่นไหว้ วันพระ
     ควรนำดอกไม้ ผลไม้ มากราบไหว้
     ตั้งใจถือศีลกินเจ กระทำแต่สิ่งดีๆ
     ทำเช่นนี้...บรรพบุรุษก็ไม่ต้องทุกข์ทรมานในนรก
     ผู้ที่อยู่สุคติภพแล้ว ก็จะชื่นชมยินดีในกุศลกรรมของลูกหลานทุกคน
     อย่างนี้จึงจะเรียกว่า "กตัญญูที่แท้จริง"


  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สละเนื้อช่วยนก

ในกาลก่อน เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่บำเพ็ญโพธิสัตว์ธรรม ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า     วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ที่ผอมโซ กำลังบินไล่ล่านกตัวเล็กๆ หมายจะกินเป็นอาหาร วิหกน้อยหวาดกลัวเป็นอันมาก มันพยายามบินหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจนสุดกำลัง ครั้นได้แลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับอันอยู่มิไกล นกน้อยตัวนั้นจึงโผบินลงสู่อ้อมอก ของพระองค์ทันที    พญาเหยี่ยวไม่กล้าติดตามเข้าไปใกล้ ได้แต่เฝ้าบินวนอยู่ไม่ไปไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ พญาเหยี่ยวผู้หิวโหยจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า    "ข้าแต่พระโพธิสัตว์เจ้า!  พระองค์อยากช่วยนกตัวเล็กๆ  แล้วจะปล่อยให้ข้าบาทต้องอดตายหรืออย่างไร?"     พระมหาโพธิสัตว์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทรงยิ้มแล้วตรัสแก่พญานกว่า     "ท่านประสงค์จะกินสิ่งใด เพื่อคลายหิวเล่า?"     พญาเหยี่ยวได้ทูลตอบทันทีว่า     "ข้าพระองค์ อยากกินเนื้อเป็นอาหาร"     พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า    " ถ้าเช่นนั้นเรายินดีมอบเนื้อของเรา ให้เป็นอาหารแก่ท่านแทนเนื้อของนกน้อยตัวนี้"     ขณะที่พระมหาโพธิสัตว์กำลังจะตัดเนื้อที

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

     ในสมัยราชวงศ์ หมิง มีนักปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง นามว่า หวง จี่ ซื่อ แม้ว่าในขณะนั้นแผ่นดินจะร้อนระอุไปด้วยเภทภัยรอบด้าน ผู้คนล้มตายลงอย่างน่าอนาถ แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นสร้างความดี โดยมิได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย      จิตใจของ หวง จี่ ซือ มีแต่ความเมตตาห่วงใย เอื้ออาทรต่อทุกชีวิต เขาทราบว่าบนเขามีพระสงฆ์ผู้ซึ่งบรรลุธรรมสูงสุดสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและเหตุการณ์ความเป็นไปทั้งหลายในโลก หวง จี่ ซือ ผู้บำเพ็ญธรรมจึงเดินทางขึ้นเขาเพื่อขอคำชี้แนะจากท่าน เขาได้กราบนมัสการถามพระอริยสงฆ์องค์นั้นว่า       "ข้าแต่พระคุรเจ้าผู้สูงยิ่งด้วยบารมีธรรม เวลานี้ผู้คนนับล้านล้มตายลงมากมายเนื่องด้วยภัยพิบัตินานับประการ ยากที่จะมีใครรอดพ้นได้ ขอพระคุณเจ้าได้โปรดเมตตาชี้แนะวิธีที่สามารถจะหยุดยั้งมหันตภัยนั้นให้ได้ทันการ ด้วยเถิด"       พระคุณเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ดวงหน้าของท่านมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า      " มีอย่างเดียว...อย่าฆ่าสัตว์! จงช่วยกันปลดปล่อยชีวิตสัตว์ทั้งหลายเถิด"       กล่าวจบ ท่านก็หลับตาลงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีกเลย

กรรมตามทัน

     ในวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง มีสมุดบันทึกเขียนเล่าว่า      ที่มณฑล ซูโจว มีร้านขายบะหมี่ใส่ปลาไหลย่างอยู่ร้านหนึ่ง ฝีมือที่ปรุงรสได้เป็นเลิศของเจ้าของร้านทำให้ขายดีเป็นที่หนึ่ง สาเหตุก็เพราะวิธีย่างปลาไหลที่ไม่เหมือนใคร เขาใช้ปลาไหลเป็นๆปล่อยลงไปบนแผ่นเหล็กที่มีขอบโดยรอบ ปลาไหลที่ถูกเผาจะดิ้นไปมาอยู่บนกระทะเหล็ก ซึ่งตั้งอยู่บนเตาร้อนๆ จนกระทั่งหนังของมันไหม้สุกและหลุดออกไป ปลาไหลต้องทรมานอยู่อย่างนี้จนตาย! เสร็จแล้วจึงถูกนำขึ้นมาสับวางบนบะหมี่ ลูกค้าทั้งหลายที่ติดอกติดใจในรสชาด ต่างพากันมาอุดหนุนจนแน่นร้านทุกวัน      อยู่มาคืนหนึ่งเจ้าของร้านบะหมี่อันลือชื่อได้ออกไปเที่ยวกลางดึกแล้วหายไปไม่กลับมา เช้าวันรุ่งขึ้นลูกๆจึงออกตามหาก็พบว่า เจ้าของร้านบะหมี่ผู้เป็นพ่อกลายเป็นศพลอยมาติดอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเสียแล้ว      ขณะที่ชาวบ้านช่วยกันเอาศพขึ้นจากน้ำ ทุกคนก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นปลาไหลมากมายกัดติดรอบๆเอวของศพเจ้าของร้านขายบะหมี่จนแน่น      ผู้คนที่มามุงดูต่างพูดกันว่าเป็น "กฎแห่งกรรม ทำมาหากินโดยฆ่าผู้อื่น สุดท้าย ก็ต้องตายเพราะถูกเขาฆ่า"