ในอดีตมีบัณฑิตผู้ใจบุญสุนทางคนหนึ่ง นิสัยของเขาโอบอ้อมอารีเมตตา ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ
วันหนึ่ง ขณะที่เขาไปเยี่ยมครอบครัวของญาติก็พบว่าแม่สุนัขในบ้านหลังนั้น เพิ่งจะคลอดลูกออกมา ๔ ตัว แต่ญาติของบัณฑิตผู้นี้เชื่อถือโชคลางเสียจนขาดเหตุผล ปล่อยให้ความหลงงมงายเข้าครอบงำมโนธรรมสำนึกแห่งเมตตาไปเสียสิ้น เขาเชื่อว่าสุนัขที่คลอดลูก ๔ ตัวเป็นอัปมงคลและเตรียมจะนำลูกสุนัขทั้งหมดไปโยนทิ้งแม่น้ำ
เมื่อบัณฑิตผู้ใจบุญทราบเรื่อง ก็รู้สึกสงสารลูกสุนัขทั้งสี่ที่กำลังน่ารัก ซึ่งเพิ่งจะเกิดมายังไม่ทันลืมตามองดูโลก กลับต้องถูกฆ่าโดยปราศจากความผิด มันไม่ถูกต้องเอาเสียเลย คิดเช่นนี้แล้วบัณฑิตท่านนี้จึงขอลูกสุนัขทั้ง ๔ ตัวเพื่อนำกลับไปเลี้ยงที่บ้านของตน โดยมิได้ใส่ใจในคำทักท้วงว่า "ไม่เป็นสิริมงคล" แต่อย่างไร
ด้วยความรักและการเอาใจใส่เลี้ยงดูอย่างมีเมตตา ลูกสุนัขทั้ง ๔ ตัวนับวันก็โตขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆตัวต่างรักและซื่อสัตย์ต่อเจ้านายของมันมาก
และแล้วเย็นวันหนึ่งเวลาจวนใกล้ค่ำ ขณะที่บัณฑิตกำลังจะเดินกลับบ้านเขาสังเกตเห็นต้นหญ้าหน้าประตูบ้านเอนล้มยุ่งเหยิง สักครู่ก็มีกลิ่นคาวพัดโชยมาตามกระแสลมยังไม่ทันที่เขาจะก้าวเดินต่อ ฉับพลันทันใดนั้นเองงูยักษ์ขนาดมหึมาก็พุ่งตัวออกมาขวางหน้าเขาไว้ตาของมันแดงก่ำลกวาวราวกับดวงไฟ ลำตัวกลมใหญ่เท่ากับเสาไม้ มันชูคอสูงพ้นศีรษะของท่านบัณฑิตและอ้าปากแลบลิ้นพร้อมกับส่งเสียงขู่ ฝ่อ!..ฝ่อ!...
เขายืนตกตะลึงนิ่ง เจ้างูยักษ์ตั้งท่าจะทำร้ายอย่างเอาเป็นเอาตาย ทันใดนั้นเองลูกสุนัขทั้ง ๔ ตัว ได้วิ่งตรงรี่เข้าต่อสู้กับงูร้ายเป็นการใหญ่ ลูกสุนัขตัวหนึ่งได้ทีจึงกระโดดขึ้นกัดที่จุดชีวิตตรงบริเวณที่ต่ำจากหัวมันลงมา ๗ นิ้ว งูยักษ์ขนาดมหึมาจึงสิ้นฤทธิ์ขาดใจตายลงทันที!
คนที่ทำดีย่อมได้รับผลดี
กฎแห่งกรรมนี้ เป็นความจริงที่พิสูจน์ได้
หากเรามีจิตใจเมตตาอารีย์ต่อผู้อื่น
จิตเมตตานั้นก็จะกลับมาตอบสนองคุ้มครองเราเช่นกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น