ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทสรุป


     ตั้งแต่โบราณกาลมา ตราบจนกระทั่งวินาทีนี้ "กฎแห่งกรรม" ยังคงปรากฎให้เห็นกระจ่างชัด ไม่เคยปิดบังอำพราง ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุผล ประจักษ์พยานมีให้เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตาทุกคน แล้วยังจะมีอะไรที่ต้องลังเลสงสัยอีกหรือ?
     ทุกวันนี้ทั่วทั้งโลกต่างรบราฆ่าฟันกัน จนแม้แต่อาหารก็ไม่มีจะกิน ภัยพิบัติมากมายก็กระหน่ำซ้ำเติมไม่หยุด ผู้มีญาณปัญญาทั้งหลายล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "เพราะการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนั่นแหละ!"
หาใช่ ผีสาง เทวดา เจ้าป่าเจ้าเขา ลงโทษไม่ แท้จริงภัยพิบัติทั้งหลายเป็นผลจากความชั่วที่มนุษย์เป็นผู้ก่อไว้เองทั้งสิ้น
     พระอริยะเจ้าทุกพระองค์ เมื่อบรรลุสัจธรรมยิ่งใหญ่แล้วมีพระองค์ใดบ้างที่ไม่สอนให้มนุษย์เว้นจากการ "ฆ่า"
     อาศัยเมตตาธรรมเท่านั้นจึงสามารถค้ำจุนให้โลกนี้สงบลงได้ หากมีคนหนึ่งที่ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ก็จะต้องมีหนึ่งคนที่รอดพ้นภัยพิบัติไปได้ หากมีหนึ่งครอบครัวที่ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตก็จะมีหนึ่งครอบครัวที่รอดตาย หากมีหนึ่งตำบล...หนึ่งอำเภอ...หนึ่งประเทศที่ไม่คิดฆ่าผลก็เป็นเช่นเดียวกันคือ "ไม่ตายเพราะบาปกรรม" คนที่ไม่เชื่อไม่เข้าใจใน "กฎแห่งกรรม" รู้ว่าการเข่นฆ่านั้นมันไม่ดี แต่ก็ยังทำ! หารู้ไม่ว่าตนเองกำลังสร้างภัยพิบัติให้มาทำลายล้างผลาญตัวเอง
     สาธุชนผู้ตั้งมั่นอยู่ในความดี จงรู้ไว้เถิดว่า แม้จะต้องประสบกับความลำบาก ยากแค้นไม่มีแม้ข้าวจะกินน้ำจะดื่ม ต้องตกอยู่ในท่ามกลางการเข่นฆ่าประหัตประหาร ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใหญ่หลวงสักเท่าใด ผลานุภาพแห่งความดีงามที่สร้างสมไว้ จะปกป้องคุ้มครองเราท่านทั้งหลาย ให้สามารถผ่านพ้นมหัตภัยไปได้แม้ปลายเส้นผมเส้นหนึ่งก็ไม่ขาดหาย 
     ขอให้ผู้มุ่งมั่นบำเพ็ญธรรมทั้งหลาย จงบรรลุเป้าหมายสูงสุดเข้าสู่ "แดนนิพพาน" ได้โดยถ้วนทั่วพร้อมเพรียงกันทุกรูปทุกนามเทอญ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สละเนื้อช่วยนก

ในกาลก่อน เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่บำเพ็ญโพธิสัตว์ธรรม ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า     วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ที่ผอมโซ กำลังบินไล่ล่านกตัวเล็กๆ หมายจะกินเป็นอาหาร วิหกน้อยหวาดกลัวเป็นอันมาก มันพยายามบินหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจนสุดกำลัง ครั้นได้แลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับอันอยู่มิไกล นกน้อยตัวนั้นจึงโผบินลงสู่อ้อมอก ของพระองค์ทันที    พญาเหยี่ยวไม่กล้าติดตามเข้าไปใกล้ ได้แต่เฝ้าบินวนอยู่ไม่ไปไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ พญาเหยี่ยวผู้หิวโหยจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า    "ข้าแต่พระโพธิสัตว์เจ้า!  พระองค์อยากช่วยนกตัวเล็กๆ  แล้วจะปล่อยให้ข้าบาทต้องอดตายหรืออย่างไร?"     พระมหาโพธิสัตว์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทรงยิ้มแล้วตรัสแก่พญานกว่า     "ท่านประสงค์จะกินสิ่งใด เพื่อคลายหิวเล่า?"     พญาเหยี่ยวได้ทูลตอบทันทีว่า     "ข้าพระองค์ อยากกินเนื้อเป็นอาหาร"     พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า    " ถ้าเช่นนั้นเรายินดีมอบเนื้อของเรา ให้เป็นอาหารแก่ท่านแทนเนื้อของนกน้อยตัวนี้"     ขณะที่พระมหาโพธิสัตว์กำลังจะตัดเนื้อที

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

     ในสมัยราชวงศ์ หมิง มีนักปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง นามว่า หวง จี่ ซื่อ แม้ว่าในขณะนั้นแผ่นดินจะร้อนระอุไปด้วยเภทภัยรอบด้าน ผู้คนล้มตายลงอย่างน่าอนาถ แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นสร้างความดี โดยมิได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย      จิตใจของ หวง จี่ ซือ มีแต่ความเมตตาห่วงใย เอื้ออาทรต่อทุกชีวิต เขาทราบว่าบนเขามีพระสงฆ์ผู้ซึ่งบรรลุธรรมสูงสุดสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและเหตุการณ์ความเป็นไปทั้งหลายในโลก หวง จี่ ซือ ผู้บำเพ็ญธรรมจึงเดินทางขึ้นเขาเพื่อขอคำชี้แนะจากท่าน เขาได้กราบนมัสการถามพระอริยสงฆ์องค์นั้นว่า       "ข้าแต่พระคุรเจ้าผู้สูงยิ่งด้วยบารมีธรรม เวลานี้ผู้คนนับล้านล้มตายลงมากมายเนื่องด้วยภัยพิบัตินานับประการ ยากที่จะมีใครรอดพ้นได้ ขอพระคุณเจ้าได้โปรดเมตตาชี้แนะวิธีที่สามารถจะหยุดยั้งมหันตภัยนั้นให้ได้ทันการ ด้วยเถิด"       พระคุณเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ดวงหน้าของท่านมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า      " มีอย่างเดียว...อย่าฆ่าสัตว์! จงช่วยกันปลดปล่อยชีวิตสัตว์ทั้งหลายเถิด"       กล่าวจบ ท่านก็หลับตาลงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีกเลย

กรรมตามทัน

     ในวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง มีสมุดบันทึกเขียนเล่าว่า      ที่มณฑล ซูโจว มีร้านขายบะหมี่ใส่ปลาไหลย่างอยู่ร้านหนึ่ง ฝีมือที่ปรุงรสได้เป็นเลิศของเจ้าของร้านทำให้ขายดีเป็นที่หนึ่ง สาเหตุก็เพราะวิธีย่างปลาไหลที่ไม่เหมือนใคร เขาใช้ปลาไหลเป็นๆปล่อยลงไปบนแผ่นเหล็กที่มีขอบโดยรอบ ปลาไหลที่ถูกเผาจะดิ้นไปมาอยู่บนกระทะเหล็ก ซึ่งตั้งอยู่บนเตาร้อนๆ จนกระทั่งหนังของมันไหม้สุกและหลุดออกไป ปลาไหลต้องทรมานอยู่อย่างนี้จนตาย! เสร็จแล้วจึงถูกนำขึ้นมาสับวางบนบะหมี่ ลูกค้าทั้งหลายที่ติดอกติดใจในรสชาด ต่างพากันมาอุดหนุนจนแน่นร้านทุกวัน      อยู่มาคืนหนึ่งเจ้าของร้านบะหมี่อันลือชื่อได้ออกไปเที่ยวกลางดึกแล้วหายไปไม่กลับมา เช้าวันรุ่งขึ้นลูกๆจึงออกตามหาก็พบว่า เจ้าของร้านบะหมี่ผู้เป็นพ่อกลายเป็นศพลอยมาติดอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเสียแล้ว      ขณะที่ชาวบ้านช่วยกันเอาศพขึ้นจากน้ำ ทุกคนก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นปลาไหลมากมายกัดติดรอบๆเอวของศพเจ้าของร้านขายบะหมี่จนแน่น      ผู้คนที่มามุงดูต่างพูดกันว่าเป็น "กฎแห่งกรรม ทำมาหากินโดยฆ่าผู้อื่น สุดท้าย ก็ต้องตายเพราะถูกเขาฆ่า"