ที่ตำบล อู๋ สี เสี้ยน มีชายคนหนึ่งเดินทางจากเมืองไกล เพื่อมาเยี่ยมญาติของเขาในชนบท ด้วยความดีอกดีใจที่นานแล้วไม่ได้พบกัน ญาติของเขาจึงกุลีกุจอจัดแจงสั่งให้ภรรยาเอาแม่ไก่ไปฆ่าทำเป็นอาหารมาเลี้ยงต้อนรับ
แต่ทันทีที่ได้ยินดังนั้น ชายคนนี้ก็บังเกิดเมตตาจิตรู้สึกสงสารที่ชีวิตผู้อื่นจะต้องมาตายเพราะตนเป็นต้นเหตุ เขาจึงแสร้งพูดขึ้นว่า
"ข้าพเจ้ากินเจ...ไม่กินเนื้อสัตว์ ท่านอย่าฆ่าเลย!" เจ้าของบ้านจึงงดฆ่าไก่ แล้วจัดเตรียมอาหารเจ และผลไม้มาต้อนรับแทน ตลอดเวลา ๓ วันที่พักอยู่บ้านญาติ ทั้งตัวเขาและญาติๆทุกคน จึงต้องงดกินเนื้อไปโดยปริยาย เช้าวันต่อมาเขาก็ได้อำลากลับแต่เส้นทางที่จะกลับบ้านนั้น บางช่วงต้องอาศัยเรือโดยสารข้ามฟาก ขณะที่เขาก้าวขึ้นไปนั่งรอให้เรือออกเดินทาง ทันใดนั้นเองก็มีชายชราผมขาวโพลนท่านหนึ่ง มายืนร้องเรียกด้วยเสียงอันดังว่า
"หยุดก่อน! บนเรือมีชายคนหนึ่งพูดโกหกหลอกคนอื่นให้เชื่อว่า เขาเป็นคนกินเจ เป็นตายอย่างไรก็อย่าให้เขาข้ามฟากไปด้วยเด็ดขาด!" ผู้โดยสารทั้งหมดในเรือต่างงุนงงต่อคำพูดของชายชราที่ยืนอยู่บนฝั่งและสอบถามกันว่า "ใครกันนะ? ใครกัน?"
ชายคนนั้นทราบดีว่าท่านผู้เฒ่าหมายถึงตัวเขาเองจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดว่า
"เป็นตัวข้าพเจ้าเอง แต่เพราะไม่ต้องการให้แม่ไก่ตัวหนึ่งต้องถูกฆ่า ข้าพเจ้าจึงโกหกว่า กินเจ "
เมื่อทุกคนได้ยินเขาสารภาพเช่นนั้นแล้วก็ยังไม่ให้อภัยจึงผลักเขาขึ้นฝั่งไม่ยอมให้ขึ้นโดยสารไปด้วย เมื่อเขากลับขึ้นฝั่งก็พยายามมองหาชายชราผู้นั้น แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่พบพอหันกลับมาเรือโดยสารก็แล่นออกไปไกลมากแล้วขณะที่เรืออยู่กลางแม่น้ำใหญ่ โดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนได้เกิดพายุใหญ่พัดกระหน่ำอย่างหนัก เป็นเหตุให้เรือโดยสารลำนั้น คว่ำลง! ผู้โดยสารจมน้ำตายหมดไม่มีใครรอด!
เมื่อนั้นเองเขาจึงได้รู้ว่า
"ช่วยแม่ไก่ให้รอดตายได้ชีวิตหนึ่งจึงสามารถรอดพ้นจากเคราะห์กรรมในครั้งนี้ไปได้"
ใครเลยจะคาดคิด...เพียงคำพูดที่พลั้งปากออกไปว่า "กินเจ" เพราะหวังให้ผู้อื่นรอดตายนั้น ยังเปี่ยมด้วยอานิสงส์ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น