ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ลูกกบร้องทุกข์


     ท่าน จาง กง รับราชการอยู่ในอำเภอ เส้า ซิน มณฑลจื่อ เจียง ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอ
     มีอยู่คราวหนึ่ง ท่านต้องย้ายจากอำเภอ เส้า ซิน ไปอยู่อำเภอ ซิน หัว ระหว่างเดินทางต้องผ่านที่เปลี่ยวมาก ไม่มีบ้านเรือนผู้คนเลย ขณะนั้นเองท่าน จาง กง ก็ได้ยินเสียงร้องดังระงงไปทั่ว ฟังดูราวกับเสียงคร่ำครวญขอความช่วยเหลือท่านรู้สึกแปลกใจจึงสั่งให้หยุดขบวนเกี้ยวเดินทางเพื่อลงไปดู ก็พบว่ามันเป็นเสียงของลูกกบจำนวนมากมาย ลูกกบตัวเล็กๆเหล่านั้นกระโดดขึ้นมาบนถนนและเต้นไปข้างหน้าเรื่อยๆ ประหนึ่งว่ามันพยายามจะให้คนติดตามไป
     ท่าน จาง กง และคนอื่นๆ จึงเดินตามลูกกบเหล่านั้นไปจนกระทั่งมาหยุดลงที่ริมคันนาแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นทุกคนก็พบร่างของชาย ๓ คนนอนทับกันอยู่ ท่านนายอำเภอได้สั่งให้ผู้ติดตามช่วยกันนำพวกเขาขึ้นมา ปรากฎว่า ๒ คนแรกตายไปเสียแล้ว แต่ชายคนที่ถูกทับอยู่ล่างสุดยังมีลมหายใจอยู่ ทั้งหมดจึงช่วยกันแก้ไขจนกระทั่งฟื้นขึ้นมาได้
     หลังจากที่ชายผู้นั้นได้จิบน้ำอุ่นๆ และรู้สึกสบายดีแล้ว เขาก็คุกเข่าคารวะกราบของคุณท่าน จาง กง พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า
     "ข้าพเจ้าเป็นคนเดินทางค้าขาย ระหว่างที่อยู่บนทางเปลี่ยวได้พบชาย ๒ คน แบกตะกร้าใหญ่ ๒ ใบ ซึ่งข้างในมีลูกกบตัวเล็กๆ ที่ถูกจับมาใส่ไว้จนแน่น ข้าพเจ้าเห็นแล้วไม่อาจทนนิ่งดูดาย จึงออกปากขอซื้อแล้วนำไปปล่อยลงข้างทางเสียทั้งหมด
     แต่ไม่นึกเลยว่าชายสองคนนั้น จะมีจิตใจที่โหดเหี้ยม หลังจากที่ข้าพเจ้าพร้อมกับคนหาบสินค้า ๒ คน ออกเดินทางต่อไปไม่นาน เขาทั้งสองซึ่งสะกดรอยตามมาพอถึงที่เปลี่ยวปลอดสายตาผู้คน ก็ตรงเข้าลอบทำร้ายหวังจะฆ่าพวกเราให้ตาย เพื่อปล้นเอาทรัพย์สินเงินทองไปทั้งหมด
     ข้าพเจ้าถูกตีจนสลบ น่าสงสาร...ลูกจ้างหาบสินค้า ๒ คน ถูกทำร้ายจนตาย!"
     เมื่อท่าน จาง กง ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วก็ออกคำสั่งให้เร่งติดตามหาตัวคนร้ายใจเหี้ยมทั้งสองที่กระทำการอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมายอาญาบ้านเมือง ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ก็สามารถจับตัวคนร้ายพร้อมกับได้ทรัพย์สินทั้งหมดคืนมา ทั้งสองรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริง จึงถูกตัดสินโทษประหารชีวิตให้ตายตกไปตามกัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สละเนื้อช่วยนก

ในกาลก่อน เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่บำเพ็ญโพธิสัตว์ธรรม ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า     วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ที่ผอมโซ กำลังบินไล่ล่านกตัวเล็กๆ หมายจะกินเป็นอาหาร วิหกน้อยหวาดกลัวเป็นอันมาก มันพยายามบินหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจนสุดกำลัง ครั้นได้แลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับอันอยู่มิไกล นกน้อยตัวนั้นจึงโผบินลงสู่อ้อมอก ของพระองค์ทันที    พญาเหยี่ยวไม่กล้าติดตามเข้าไปใกล้ ได้แต่เฝ้าบินวนอยู่ไม่ไปไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ พญาเหยี่ยวผู้หิวโหยจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า    "ข้าแต่พระโพธิสัตว์เจ้า!  พระองค์อยากช่วยนกตัวเล็กๆ  แล้วจะปล่อยให้ข้าบาทต้องอดตายหรืออย่างไร?"     พระมหาโพธิสัตว์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทรงยิ้มแล้วตรัสแก่พญานกว่า     "ท่านประสงค์จะกินสิ่งใด เพื่อคลายหิวเล่า?"     พญาเหยี่ยวได้ทูลตอบทันทีว่า     "ข้าพระองค์ อยากกินเนื้อเป็นอาหาร"     พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า    " ถ้าเช่นนั้นเรายินดีมอบเนื้อของเรา ให้เป็นอาหารแก่ท่านแทนเนื้อของนกน้อยตัวนี้"     ขณะที่พระมหาโพธิสัตว์กำลังจะตัดเนื้อที

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

     ในสมัยราชวงศ์ หมิง มีนักปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง นามว่า หวง จี่ ซื่อ แม้ว่าในขณะนั้นแผ่นดินจะร้อนระอุไปด้วยเภทภัยรอบด้าน ผู้คนล้มตายลงอย่างน่าอนาถ แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นสร้างความดี โดยมิได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย      จิตใจของ หวง จี่ ซือ มีแต่ความเมตตาห่วงใย เอื้ออาทรต่อทุกชีวิต เขาทราบว่าบนเขามีพระสงฆ์ผู้ซึ่งบรรลุธรรมสูงสุดสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและเหตุการณ์ความเป็นไปทั้งหลายในโลก หวง จี่ ซือ ผู้บำเพ็ญธรรมจึงเดินทางขึ้นเขาเพื่อขอคำชี้แนะจากท่าน เขาได้กราบนมัสการถามพระอริยสงฆ์องค์นั้นว่า       "ข้าแต่พระคุรเจ้าผู้สูงยิ่งด้วยบารมีธรรม เวลานี้ผู้คนนับล้านล้มตายลงมากมายเนื่องด้วยภัยพิบัตินานับประการ ยากที่จะมีใครรอดพ้นได้ ขอพระคุณเจ้าได้โปรดเมตตาชี้แนะวิธีที่สามารถจะหยุดยั้งมหันตภัยนั้นให้ได้ทันการ ด้วยเถิด"       พระคุณเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ดวงหน้าของท่านมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า      " มีอย่างเดียว...อย่าฆ่าสัตว์! จงช่วยกันปลดปล่อยชีวิตสัตว์ทั้งหลายเถิด"       กล่าวจบ ท่านก็หลับตาลงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีกเลย

กรรมตามทัน

     ในวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง มีสมุดบันทึกเขียนเล่าว่า      ที่มณฑล ซูโจว มีร้านขายบะหมี่ใส่ปลาไหลย่างอยู่ร้านหนึ่ง ฝีมือที่ปรุงรสได้เป็นเลิศของเจ้าของร้านทำให้ขายดีเป็นที่หนึ่ง สาเหตุก็เพราะวิธีย่างปลาไหลที่ไม่เหมือนใคร เขาใช้ปลาไหลเป็นๆปล่อยลงไปบนแผ่นเหล็กที่มีขอบโดยรอบ ปลาไหลที่ถูกเผาจะดิ้นไปมาอยู่บนกระทะเหล็ก ซึ่งตั้งอยู่บนเตาร้อนๆ จนกระทั่งหนังของมันไหม้สุกและหลุดออกไป ปลาไหลต้องทรมานอยู่อย่างนี้จนตาย! เสร็จแล้วจึงถูกนำขึ้นมาสับวางบนบะหมี่ ลูกค้าทั้งหลายที่ติดอกติดใจในรสชาด ต่างพากันมาอุดหนุนจนแน่นร้านทุกวัน      อยู่มาคืนหนึ่งเจ้าของร้านบะหมี่อันลือชื่อได้ออกไปเที่ยวกลางดึกแล้วหายไปไม่กลับมา เช้าวันรุ่งขึ้นลูกๆจึงออกตามหาก็พบว่า เจ้าของร้านบะหมี่ผู้เป็นพ่อกลายเป็นศพลอยมาติดอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเสียแล้ว      ขณะที่ชาวบ้านช่วยกันเอาศพขึ้นจากน้ำ ทุกคนก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นปลาไหลมากมายกัดติดรอบๆเอวของศพเจ้าของร้านขายบะหมี่จนแน่น      ผู้คนที่มามุงดูต่างพูดกันว่าเป็น "กฎแห่งกรรม ทำมาหากินโดยฆ่าผู้อื่น สุดท้าย ก็ต้องตายเพราะถูกเขาฆ่า"