ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

หนี้แค้นต้องชำระ


     ในสมัยราชวงศ์ ชิง ที่มณฑลซานตุง อำเภอหลิง ชิง มีชายคนหนึ่งเดินทางเข้าไปหาซื้อควายในเมืองเพื่อนำไปฆ่า เมื่อซื้อได้แล้วเขาก็พยายามจะจูงมันกลับไปบ้าน แต่ควายตัวนั้นเหมือนกับรู้ว่าจะต้องชะตาขาด มันจึงไม่ยอมก้าวเดินไปไหน
     ชายผู้นั้นโกรธมาก เขาใช้แส้ฟาดกระหน่ำโดยไม่ยั้งมือ ควายที่น่าสงสารเนื้อตัวแตกยับมีเลือดไหลโทรมมันพยายามหลบหลีกแส้ที่ฟาดลงมาอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนท้ายที่สุดหลบจนไม่รู้จะหลบอย่างไร มันทั้งเจ็บทั้งกลัวจนตัวสั่นไม่มีกำลังจะขัดขืนจึงจำใจให้เขาฉุดกระชากลากตัวไปอย่างน่าเวทนา
     เมื่อเดินทางผ่านมาถึงบ้านใหญ่หลังหนึ่ง ควายตัวนั้นมองเห็นเจ้าของร้านอยู่ที่หน้าประตูมันรีบคุกเข่าก้มหัวลงและน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ประหนึ่งจะวิงวอนขอความช่วยเหลือจากท่านเศรษฐี ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ท่านเจ้าของบ้านเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารจับใจ จึงสอบถามชายผู้นั้นว่าซื้อควายมาราคาเท่าไร พร้อมกับขอซื้อต่อด้วยราคาที่สูงกว่า แต่ไม่ว่าท่านเศรษฐีจะเพิ่มเงินให้สักเท่าไรเขาก็ไม่ยอมขาย ซ้ำยังพูดขึ้นว่า
     "ไอ้ควายตัวนี้ มันน่าแค้นเหลือเกิน! ทำให้ข้าต้องออกแรงจนเหนื่อยกว่าจะลากมันมาได้ ถ้าไม่ได้ฆ่ามันมาตุ๋นกิน ข้าไม่มีวันจะหายโมโห!"
     ท่านเศรษฐีได้ยินเช่นนั้นก็หมดปัญญาไม่รู้จะทำประการใด ควายตัวนั้นก้มหน้าน้ำตาไหลพราก เมื่อรู้ว่าไม่มีทางที่จะขอชีวิตได้ มันจึงลุกขึ้นเดินตามชายคนนั้นไปโดยไม่ขัดขืนอีก
     พอกลับถึงบ้าน ชายผู้ที่ในใจมีแต่ความเคียดแค้น ก็จัดการฆ่าควายชำแหละเนื้อออกมาเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปใส่หม้อขนาดใหญ่ติดไฟตุ๋นไว้ตลอดคืน จนกระทั่งเช้าตรู่ประมาณตีห้าเขาก็ลุกตรงเข้าไปในครัวเตรียมจะกินให้หนำใจ
     เวลาผ่านไป ภรรยาของคนฆ่าควายเห็นสามีหายเงียบไปนานจนผิดสังเกต จึงตามเข้าไปดูในครัวก็ไม่พบใคร ขณะที่กำลังจะเดินกลับออกมา นางได้สังเกตเห็นว่าหม้อตุ๋นขนาดใหญ่ที่ตั้งไฟอยู่ มีน้ำเดือดจนเป็นฟองล้น เมื่อเข้าไปชะโงกดูใกล้ๆ นางก็ตกใจสุดขีดแทบสิ้นสติเพราะเห็นหัวของชายฆ่าควายผู้เป็นสามีลอยโผล่ขึ้นมา! เนื้อตัวแขนขาของเขาถูกต้มจนเปื่อยยุ่ยเหมือนเนื้อควายตุ๋น!
     ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร อาจเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อไม่ทันระวังตัวเขาจึงพลาดพลั้งตกลงไปในหม้อตุ๋นขณะกำลังจะตักเนื้อควายขึ้นมากินก็เป็นได้!
    
     สัตว์ทั้งหลายต่างก็รักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งสิ้น
     ดูเอาเถิด...วัวควายยามถูกนำไปฆ่า
     ยังรู้จักวิงวอนขอความเมตตา
     ถึงขนาดนั้นแล้ว คนก็ยังไม่มีจิตใจคิดสงสาร
     กลับโกรธแค้นโมโห ได้ฆ่าเขาแล้วจึงจะพอใจ
     ทำไมไม่คิดบ้างว่า วัวควายก็เคียดแค้นได้เหมือนกัน
     แรงกรรมที่อาฆาตพยาบาทอย่างท่วมท้นก็กลับมาตอบสนองให้เห็นทันตาและรุนแรงได้เช่นกัน


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สละเนื้อช่วยนก

ในกาลก่อน เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่บำเพ็ญโพธิสัตว์ธรรม ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า     วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ที่ผอมโซ กำลังบินไล่ล่านกตัวเล็กๆ หมายจะกินเป็นอาหาร วิหกน้อยหวาดกลัวเป็นอันมาก มันพยายามบินหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจนสุดกำลัง ครั้นได้แลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับอันอยู่มิไกล นกน้อยตัวนั้นจึงโผบินลงสู่อ้อมอก ของพระองค์ทันที    พญาเหยี่ยวไม่กล้าติดตามเข้าไปใกล้ ได้แต่เฝ้าบินวนอยู่ไม่ไปไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ พญาเหยี่ยวผู้หิวโหยจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า    "ข้าแต่พระโพธิสัตว์เจ้า!  พระองค์อยากช่วยนกตัวเล็กๆ  แล้วจะปล่อยให้ข้าบาทต้องอดตายหรืออย่างไร?"     พระมหาโพธิสัตว์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทรงยิ้มแล้วตรัสแก่พญานกว่า     "ท่านประสงค์จะกินสิ่งใด เพื่อคลายหิวเล่า?"     พญาเหยี่ยวได้ทูลตอบทันทีว่า     "ข้าพระองค์ อยากกินเนื้อเป็นอาหาร"     พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า    " ถ้าเช่นนั้นเรายินดีมอบเนื้อของเรา ให้เป็นอาหารแก่ท่านแทนเนื้อของนกน้อยตัวนี้"     ขณะที่พระมหาโพธิสัตว์กำลังจะตัดเนื้อที

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

     ในสมัยราชวงศ์ หมิง มีนักปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง นามว่า หวง จี่ ซื่อ แม้ว่าในขณะนั้นแผ่นดินจะร้อนระอุไปด้วยเภทภัยรอบด้าน ผู้คนล้มตายลงอย่างน่าอนาถ แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นสร้างความดี โดยมิได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย      จิตใจของ หวง จี่ ซือ มีแต่ความเมตตาห่วงใย เอื้ออาทรต่อทุกชีวิต เขาทราบว่าบนเขามีพระสงฆ์ผู้ซึ่งบรรลุธรรมสูงสุดสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและเหตุการณ์ความเป็นไปทั้งหลายในโลก หวง จี่ ซือ ผู้บำเพ็ญธรรมจึงเดินทางขึ้นเขาเพื่อขอคำชี้แนะจากท่าน เขาได้กราบนมัสการถามพระอริยสงฆ์องค์นั้นว่า       "ข้าแต่พระคุรเจ้าผู้สูงยิ่งด้วยบารมีธรรม เวลานี้ผู้คนนับล้านล้มตายลงมากมายเนื่องด้วยภัยพิบัตินานับประการ ยากที่จะมีใครรอดพ้นได้ ขอพระคุณเจ้าได้โปรดเมตตาชี้แนะวิธีที่สามารถจะหยุดยั้งมหันตภัยนั้นให้ได้ทันการ ด้วยเถิด"       พระคุณเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ดวงหน้าของท่านมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า      " มีอย่างเดียว...อย่าฆ่าสัตว์! จงช่วยกันปลดปล่อยชีวิตสัตว์ทั้งหลายเถิด"       กล่าวจบ ท่านก็หลับตาลงนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีกเลย

กรรมตามทัน

     ในวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง มีสมุดบันทึกเขียนเล่าว่า      ที่มณฑล ซูโจว มีร้านขายบะหมี่ใส่ปลาไหลย่างอยู่ร้านหนึ่ง ฝีมือที่ปรุงรสได้เป็นเลิศของเจ้าของร้านทำให้ขายดีเป็นที่หนึ่ง สาเหตุก็เพราะวิธีย่างปลาไหลที่ไม่เหมือนใคร เขาใช้ปลาไหลเป็นๆปล่อยลงไปบนแผ่นเหล็กที่มีขอบโดยรอบ ปลาไหลที่ถูกเผาจะดิ้นไปมาอยู่บนกระทะเหล็ก ซึ่งตั้งอยู่บนเตาร้อนๆ จนกระทั่งหนังของมันไหม้สุกและหลุดออกไป ปลาไหลต้องทรมานอยู่อย่างนี้จนตาย! เสร็จแล้วจึงถูกนำขึ้นมาสับวางบนบะหมี่ ลูกค้าทั้งหลายที่ติดอกติดใจในรสชาด ต่างพากันมาอุดหนุนจนแน่นร้านทุกวัน      อยู่มาคืนหนึ่งเจ้าของร้านบะหมี่อันลือชื่อได้ออกไปเที่ยวกลางดึกแล้วหายไปไม่กลับมา เช้าวันรุ่งขึ้นลูกๆจึงออกตามหาก็พบว่า เจ้าของร้านบะหมี่ผู้เป็นพ่อกลายเป็นศพลอยมาติดอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเสียแล้ว      ขณะที่ชาวบ้านช่วยกันเอาศพขึ้นจากน้ำ ทุกคนก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นปลาไหลมากมายกัดติดรอบๆเอวของศพเจ้าของร้านขายบะหมี่จนแน่น      ผู้คนที่มามุงดูต่างพูดกันว่าเป็น "กฎแห่งกรรม ทำมาหากินโดยฆ่าผู้อื่น สุดท้าย ก็ต้องตายเพราะถูกเขาฆ่า"