ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

คนหน้าแพะ


     เซี่ย ซิ่ง กวน เป็นคนมณฑล เจียงซู ที่มีฐานะร่ำรวยพอสมควรเขาโปรดปรานเนื้อแพะที่สุด ทุกวันตอนตี ๕ เขาจะตื่นขึ้นมาฆ่าแพะกินเป็นประจำ เสียงร้องโหยหวลของแพะที่ถูกเชือดคอ ดังไปไกลจนทุกคนที่ได้ยินต่างขนลุกด้วยความสะพรึงกลัว ญาติพี่น้องพยายามบอกให้เขาเลิกฆ่าสัตว์ในบ้าน แต่ก็ไม่สำเร็จ
     เซี่ย ซิ่ง กวน ไม่เคยคิดถึงความชั่วที่เขากระทำ แต่กฎแห่งกรรมไม่เคยรอให้ใครสำนึกและแล้วเมื่อผลของมันมาถึงในปีที่เขามีอายุได้ ๔๐ เซี่ย ซิ่ง กวน ก็ล้มป่วยลง ต้องหาหมอซื้อยามารักษาเป็นเวลาถึงครึ่งปี เงินทองที่มีอยู่ก็ร่อยหรอลงเกือบหมด ครอบครัวของเขาต้องลำบากยากจน และที่ร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือหลังจากหายป่วยแล้ว ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป จมูกและปากยืดยาวออกมาจนหน้าตาเหมือนแพะ!
     ไม่ว่าจะเดินทางไปทางไหนคนที่พบเห็นต่างเหลียวมองด้วยความหวาดกลัว แล้วพากันเรียกเขาว่า  "คนหน้าแพะ" เขารู้สึกอับอายและกลัดกลุ้มใจมาก ตัวเขาเองรู้ดีว่ากฎแห่งกรรมมาถึงแล้ว ตั้งแต่นั้นเขาก็ไม่กล้าฆ่าแพะกินอีก
     แต่ผลของกรรมชั่วที่เขาทำไว้ยังส่งผลไม่หมด ปีต่อมา เซี่ย ซิ่ง กวน พยายามรวบรวมเงินจากกรขายทรัพย์สินได้มาทั้งหมด ๓๐๐ ตำลึง แล้วออกเดินทางไปกับเพื่อนเพื่อซื้อข้าวมาขาย แต่ระหว่างทางเขาไม่ระวังจึงพลาดพลั้งตกแม่น้ำตาย ญาติพี่น้องต่างร่ำไห้เศร้าโศกเสียใจเพราะแม้แต่ศพของเขาก็หาไม่พบ!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สละเนื้อช่วยนก

ในกาลก่อน เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่บำเพ็ญโพธิสัตว์ธรรม ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า     วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ที่ผอมโซ กำลังบินไล่ล่านกตัวเล็กๆ หมายจะกินเป็นอาหาร วิหกน้อยหวาดกลัวเป็นอันมาก มันพยายามบินหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจนสุดกำลัง ครั้นได้แลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับอันอยู่มิไกล นกน้อยตัวนั้นจึงโผบินลงสู่อ้อมอก ของพระองค์ทันที    พญาเหยี่ยวไม่กล้าติดตามเข้าไปใกล้ ได้แต่เฝ้าบินวนอยู่ไม่ไปไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ พญาเหยี่ยวผู้หิวโหยจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า    "ข้าแต่พระโพธิสัตว์เจ้า!  พระองค์อยากช่วยนกตัวเล็กๆ  แล้วจะปล่อยให้ข้าบาทต้องอดตายหรืออย่างไร?"     พระมหาโพธิสัตว์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทรงยิ้มแล้วตรัสแก่พญานกว่า     "ท่านประสงค์จะกินสิ่งใด เพื่อคลายหิวเล่า?"     พญาเหยี่ยวได้ทูลตอบทันทีว่า     "ข้าพระองค์ อยากกินเนื้อเป็นอาหาร"     พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า    " ถ้าเช่นนั้นเรายินดีมอบเนื้อของเรา ให้เป็นอาหารแก่ท่านแทนเนื้อข...

วงเวียนกรรม

     สมุดบันทึกการเข่นฆ่าของ หวง เสียง ฝ่าน เขียนเล่าว่า       "เวลานี้บ้านเมืองเกิดกลียุคจิตใจของผู้คนต่ำ ไม่ว่าจะไปทิศทางไหน ก็พบแต่การกระทำที่เหี้ยมโหด ทุกแห่งหนมีแต่ปล้น ฆ่า ฟันแทง แก่งแย่งชิงความเป็นใหญ่ มุ่งประหัตประหารซึ่งกันและกัน ผู้คนล้มตายกลาดเกลื่อนราวกับชีวิตไร้ค่า คนเห็นคนเหมือนไม่ใช่คน ฆ่าฟันกันได้เหมือนผักปลา ความหายนะปกคลุกไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ทั้งเด็กเล็กผู้ใหญ่หนุ่มสาวและคนชราต่างมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดมนอันน่าสะพรึงกลัว..."      ในขณะนั้น มีบัณฑิตคนหนึ่งนามว่า หลี่ เผย เต๋อ มีชีวิตอยู่เห็นเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ก็ได้แต่รำพึงด้วยความสลดหดหู่ใจว่า "ไม่น่าเกิดเรื่องเช่นนี้ในโลกนี้เลย...ไม่น่าเลย..."       ต่อมาเขาได้ฝันว่าบนเขาสูงมีนักพรตผู้สำเร็จธรรมแล้วท่านหนึ่งมีนามว่า "กวน หลิน เต้า จ่าง" บัณฑิตผู้ต้องการค้นหาคำตอบจึงดั้นด้นปีนขึ้นไปบนภูเขา เมื่อพบท่านนักพรตแล้วเขาก็กราบนมัสการเรียนถามท่านว่า       "เหตุใดในสากลโลกนี้ มนุษย์จะต้องพานพบกับชะตากรรมอันเลวร้าย "ฉนคนดีๆจึงต้องล้...

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

     ในสมัยราชวงศ์ หมิง มีนักปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง นามว่า หวง จี่ ซื่อ แม้ว่าในขณะนั้นแผ่นดินจะร้อนระอุไปด้วยเภทภัยรอบด้าน ผู้คนล้มตายลงอย่างน่าอนาถ แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นสร้างความดี โดยมิได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย      จิตใจของ หวง จี่ ซือ มีแต่ความเมตตาห่วงใย เอื้ออาทรต่อทุกชีวิต เขาทราบว่าบนเขามีพระสงฆ์ผู้ซึ่งบรรลุธรรมสูงสุดสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและเหตุการณ์ความเป็นไปทั้งหลายในโลก หวง จี่ ซือ ผู้บำเพ็ญธรรมจึงเดินทางขึ้นเขาเพื่อขอคำชี้แนะจากท่าน เขาได้กราบนมัสการถามพระอริยสงฆ์องค์นั้นว่า       "ข้าแต่พระคุรเจ้าผู้สูงยิ่งด้วยบารมีธรรม เวลานี้ผู้คนนับล้านล้มตายลงมากมายเนื่องด้วยภัยพิบัตินานับประการ ยากที่จะมีใครรอดพ้นได้ ขอพระคุณเจ้าได้โปรดเมตตาชี้แนะวิธีที่สามารถจะหยุดยั้งมหันตภัยนั้นให้ได้ทันการ ด้วยเถิด"       พระคุณเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ดวงหน้าของท่านมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า      " มีอย่างเดียว...อย่าฆ่าสัตว์! จงช่วยกันปลดปล่อยชีวิตสัตว์ทั้งหลายเถิด"       กล่าวจบ ท่านก็หลับตาลงนิ...