วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ที่ผอมโซ กำลังบินไล่ล่านกตัวเล็กๆ หมายจะกินเป็นอาหาร วิหกน้อยหวาดกลัวเป็นอันมาก มันพยายามบินหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจนสุดกำลัง ครั้นได้แลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับอันอยู่มิไกล นกน้อยตัวนั้นจึงโผบินลงสู่อ้อมอก ของพระองค์ทันที
พญาเหยี่ยวไม่กล้าติดตามเข้าไปใกล้ ได้แต่เฝ้าบินวนอยู่ไม่ไปไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ พญาเหยี่ยวผู้หิวโหยจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า
"ข้าแต่พระโพธิสัตว์เจ้า! พระองค์อยากช่วยนกตัวเล็กๆ แล้วจะปล่อยให้ข้าบาทต้องอดตายหรืออย่างไร?"
พระมหาโพธิสัตว์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทรงยิ้มแล้วตรัสแก่พญานกว่า
"ท่านประสงค์จะกินสิ่งใด เพื่อคลายหิวเล่า?"
พญาเหยี่ยวได้ทูลตอบทันทีว่า
"ข้าพระองค์ อยากกินเนื้อเป็นอาหาร"
พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า
"ถ้าเช่นนั้นเรายินดีมอบเนื้อของเรา ให้เป็นอาหารแก่ท่านแทนเนื้อของนกน้อยตัวนี้"
ขณะที่พระมหาโพธิสัตว์กำลังจะตัดเนื้อที่แขนของพระองค์ พญาเหยี่ยวก็พูดแย้งขึ้นว่า
"ช้าก่อน! ...หากพระองค์ประสงค์จะแลกเอาชีวิตนกน้อยด้วยเนื้อของพระองค์แล้วล่ะก็ พระองค์ต้องตัดเอาก้อนเนื้อออกมาให้ได้น้ำหนักเท่ากับเนื้อของเจ้านกตัวนั้น !"
โดยมิรั้งรอแต่ประการใด พระโพธิสัตว์เจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณจึงใช้มีดเฉือนเอาเนื้อที่ต้นแขนออกมามอบให้พญาเหยี่ยวทันที
พญาเหยี่ยวเมื่อได้รับเอาก้อนเนื้ออันองค์พระบรมโพธิสัตว์ทรงยื่นให้แล้ว กลับกล่าวบ่ายเบี่ยงว่า "เบาไป!" ครั้นพระโพธิสัตว์ทรงเฉือนเนื้อก้อนใหม่ให้ก็ติอีกว่า "หนักไป!" เป็นดังนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
อนิจจา...พระโพธิสัตว์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยมหากรุณาจิตพระองค์ยิ่งเฉือนเนื้อไปเท่าไรก้อนเนื้อก็ยิ่งเบาลงๆ เป็นเช่นนี้จนกระทั่งเนื้อถูกตัดออกไปจนหมดแขนก็ยังไม่สามารถตัดเนื้อออกมาให้ได้เท่ากับน้ำหนักนกน้อยสักที พญาเหยี่ยวจึงเอ่ยถามพระโพธิสัตว์ว่า
"จนถึงบัดนี้ พระองค์ทรงรู้สึกเสียพระทัยบ้างหรือยัง?"
พระบรมโพธิสัตว์ผู้มีจิตใจมั่นคงมิหวั่นไหว จึงตรัสด้วยพระสุรเสียงอันหนักแน่นว่า
"เพื่อปกป้องรักษาชีวิตของเวไนยสัตว์ทั้งหลาย เราไม่รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว หากแม้นว่าเรากล่าวด้วยคำสัตว์จริง ขอเนื้อที่ขาดหายไปจงงอกขึ้นมาใหม่ เพื่อเราจะได้ตัดออกเป็นกุศลทานอีก"
ครั้นสิ้นสุดอธิษฐานวาจา ด้วยพลานุภาพแห่งสัจจะบารมีอันพระบรมโพธิสัตว์ตั้งพระทัยจักบำเพ็ญมหาเมตตาบารมีทานให้สำเร็จ แขนของพระองค์ก็ปรากฎเนื้อเพิ่มพูนครบบริบรณ์ดีขึ้นดังเดิม
พญาเหยี่ยวได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งและแล้วพญาเหยี่ยวผู้มีกายอันซูบผอมก็พลันกลับกลายร่างปรากฎเป็นพระวิสุทธิเทพผู้มีรัศมีเรืองรองสง่างาม พร้อมกับกล่าวอนุโมทนากถาด้วยความปิติยินดีว่า
"สิ่งที่คนทั้งหลายไม่อาจทนได้ พระองค์สามารถทนได้ในสิ่งนั้น"
สิ่งที่ไม่มีผู้ใดจักกระทำได้ พระมหาโพธิสัตว์ผู้จักสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กระทำแล้ว
"ช่างหาได้ยากยิ่ง...ยากยิ่งจริงๆ
แม้นกกายังเลือกหาต้นไม้ที่ร่มเย็นเพื่อพักพิง
เฝ้าแต่มองหาบ้านของผู้มีเมตตาจิต
เมื่อใดที่ได้พบแล้ว..........
ต่างก็พากันมาสร้างรังอาศัยอยู่
ขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบ