ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ช่วยงู ได้ตำรายา


     ท่านซุน ซื่อ เสี่ยว เป็นเซียนองค์หนึ่งสมัยราชวงศ์ถัง เมื่อตอนที่ท่านเป็นนักบวชมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ ท่านมีจิตเมตตาคอยช่วยเหลือรักษาผู้คนมากมาย ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
     ครั้งหนึ่งในอดีต ขณะที่ท่าน ซุน ซื่อ เสี่ยว ออกไปเดินเล่นอยู่ตามเชิงเขา ก็พบเด็กๆชาวบ้านหลายคน เด็กคนหนึ่งกำลังใช้ไม้ตีงู งูซึ่งโชคร้ายต้องมาถูกตีอย่างหาความผิดมิได้ ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดกำลังจะตาย ท่านนักบวชซุนเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกเวทนาสงสาร จึงเอาเงินซื้อจากเด็กๆ
     เมื่อถึงที่พักท่านรีบนำยามาทารักษา จนเวลาผ่านไปหลายวันงูตัวนั้นก็หายเป็นปกติ ท่านจึงนำไปปล่อยในพงหญ้า
     เย็นวันหนึ่งระหว่างที่ท่านนักบวชนั่งสมาธิสงบจิตอยู่ ก็ได้นิมิตเห็นชายหนุ่มสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์สีเขียวสดมาเชิญท่านลงไปเที่ยวใต้บาดาล
     ชายหนุ่มผู้นำทางได้พาท่านไปยังพระราชวังใต้น้ำซึ่งสวยงามตระการตาแห่งหนึ่ง ณ ที่นั้นท่านซุนก็ได้พบกับพญามังกรจ้าวสมุทรทั้ง ๔ พระองค์ได้เชิญท่านไปนั่งบนบัลลังก์ที่สูงสง่า จ้าวสมุทรได้กล่าวขึ้นว่า
     "เมื่อหลายวันก่อน ลูกชายคนเล็กของข้าออกไปเที่ยวเล่นในเมืองมนุษย์ ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บยังดีที่ท่านมาพบและช่วยเอาไว้ทัน บุญคุณของท่านครั้งนี้ไม่อาจลืมได้"
     และแล้วพญามังกรจ้าวสมุทรก็จัดเลี้ยงอาหารชั้นเลิศพร้อมกับนำทรัพย์สมบัติทั้งเพชรนิลจินดา ไข่มุก ทองคำ มากมาย มามอบให้เพื่อเป็นการตอบแทน แต่ท่านซุนกลับปฏิเสธไม่ขอรับไว้แต่อย่างใด ท่านได้กล่าวว่า
     "ข้าพเจ้าทราบมาว่า ที่เมืองบาดาลมีตำรายาวิเศษอยู่มากมาย หากข้าพเจ้าได้ศึกษาตำรายาเหล่านั้น ก็คงสามารถช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บป่วย เช่นนี้ย่อมจะดีกว่าได้ทรัพย์สมบัติแก้วแหวนเงินทองเป็นไหนๆ"
     ด้วยความสำนึกในบุญคุณที่ท่านได้ช่วยชีวิตลูกชายเอาไว้ พญามังกรจ้าวสมุทรจึงอนุญาตให้ท่านได้อ่านดูตำรายาวิเศษท้ัง ๓๖ ชนิด เสร็จแล้วได้ให้ราชองครักษ์ติดตามมาส่งท่านถึงที่พัก
     ครั้นตื่นขึ้นจากสมาธิ ท่านซุนก็คิดว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงนิมิตฝันไปเท่านั้น แต่เมื่อได้ทดลองปรุงยาทั้ง ๓๖ ชนิด ตามที่ท่านเคยอ่านก็ปรากฏว่ายาทุกขนาดสามารถรักษาโรคต่างๆให้หายได้อย่างน่าอัศจรรย์!
     "ต่อมาเมื่อท่านนักบวช ซุน จึงบันทึกความรู้ที่ได้เขียนขึ้นเป็น "ตำรายาวิเศษ ๓๖ ชนิด" ไว้ให้คนรุ่นต่อมาใช้ช่วยเหลือชาวโลก
     ตลอดชั่วชีวิตท่าน ซุน ซื่อ เสี่ยว ได้ออกเดินทางไปช่วยผู้คนให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆมากมาย จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่งแผ่นดิน
     ครั้นลาจากโลกนี้ไปแล้ว ท่านก็ได้สำเร็จเป็นเซียนกลับสู่เบื้องบน



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สละเนื้อช่วยนก

ในกาลก่อน เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่บำเพ็ญโพธิสัตว์ธรรม ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า     วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ที่ผอมโซ กำลังบินไล่ล่านกตัวเล็กๆ หมายจะกินเป็นอาหาร วิหกน้อยหวาดกลัวเป็นอันมาก มันพยายามบินหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจนสุดกำลัง ครั้นได้แลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับอันอยู่มิไกล นกน้อยตัวนั้นจึงโผบินลงสู่อ้อมอก ของพระองค์ทันที    พญาเหยี่ยวไม่กล้าติดตามเข้าไปใกล้ ได้แต่เฝ้าบินวนอยู่ไม่ไปไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ พญาเหยี่ยวผู้หิวโหยจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า    "ข้าแต่พระโพธิสัตว์เจ้า!  พระองค์อยากช่วยนกตัวเล็กๆ  แล้วจะปล่อยให้ข้าบาทต้องอดตายหรืออย่างไร?"     พระมหาโพธิสัตว์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทรงยิ้มแล้วตรัสแก่พญานกว่า     "ท่านประสงค์จะกินสิ่งใด เพื่อคลายหิวเล่า?"     พญาเหยี่ยวได้ทูลตอบทันทีว่า     "ข้าพระองค์ อยากกินเนื้อเป็นอาหาร"     พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า    " ถ้าเช่นนั้นเรายินดีมอบเนื้อของเรา ให้เป็นอาหารแก่ท่านแทนเนื้อข...

วงเวียนกรรม

     สมุดบันทึกการเข่นฆ่าของ หวง เสียง ฝ่าน เขียนเล่าว่า       "เวลานี้บ้านเมืองเกิดกลียุคจิตใจของผู้คนต่ำ ไม่ว่าจะไปทิศทางไหน ก็พบแต่การกระทำที่เหี้ยมโหด ทุกแห่งหนมีแต่ปล้น ฆ่า ฟันแทง แก่งแย่งชิงความเป็นใหญ่ มุ่งประหัตประหารซึ่งกันและกัน ผู้คนล้มตายกลาดเกลื่อนราวกับชีวิตไร้ค่า คนเห็นคนเหมือนไม่ใช่คน ฆ่าฟันกันได้เหมือนผักปลา ความหายนะปกคลุกไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ทั้งเด็กเล็กผู้ใหญ่หนุ่มสาวและคนชราต่างมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดมนอันน่าสะพรึงกลัว..."      ในขณะนั้น มีบัณฑิตคนหนึ่งนามว่า หลี่ เผย เต๋อ มีชีวิตอยู่เห็นเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ก็ได้แต่รำพึงด้วยความสลดหดหู่ใจว่า "ไม่น่าเกิดเรื่องเช่นนี้ในโลกนี้เลย...ไม่น่าเลย..."       ต่อมาเขาได้ฝันว่าบนเขาสูงมีนักพรตผู้สำเร็จธรรมแล้วท่านหนึ่งมีนามว่า "กวน หลิน เต้า จ่าง" บัณฑิตผู้ต้องการค้นหาคำตอบจึงดั้นด้นปีนขึ้นไปบนภูเขา เมื่อพบท่านนักพรตแล้วเขาก็กราบนมัสการเรียนถามท่านว่า       "เหตุใดในสากลโลกนี้ มนุษย์จะต้องพานพบกับชะตากรรมอันเลวร้าย "ฉนคนดีๆจึงต้องล้...

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

     ในสมัยราชวงศ์ หมิง มีนักปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง นามว่า หวง จี่ ซื่อ แม้ว่าในขณะนั้นแผ่นดินจะร้อนระอุไปด้วยเภทภัยรอบด้าน ผู้คนล้มตายลงอย่างน่าอนาถ แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นสร้างความดี โดยมิได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย      จิตใจของ หวง จี่ ซือ มีแต่ความเมตตาห่วงใย เอื้ออาทรต่อทุกชีวิต เขาทราบว่าบนเขามีพระสงฆ์ผู้ซึ่งบรรลุธรรมสูงสุดสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและเหตุการณ์ความเป็นไปทั้งหลายในโลก หวง จี่ ซือ ผู้บำเพ็ญธรรมจึงเดินทางขึ้นเขาเพื่อขอคำชี้แนะจากท่าน เขาได้กราบนมัสการถามพระอริยสงฆ์องค์นั้นว่า       "ข้าแต่พระคุรเจ้าผู้สูงยิ่งด้วยบารมีธรรม เวลานี้ผู้คนนับล้านล้มตายลงมากมายเนื่องด้วยภัยพิบัตินานับประการ ยากที่จะมีใครรอดพ้นได้ ขอพระคุณเจ้าได้โปรดเมตตาชี้แนะวิธีที่สามารถจะหยุดยั้งมหันตภัยนั้นให้ได้ทันการ ด้วยเถิด"       พระคุณเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ดวงหน้าของท่านมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า      " มีอย่างเดียว...อย่าฆ่าสัตว์! จงช่วยกันปลดปล่อยชีวิตสัตว์ทั้งหลายเถิด"       กล่าวจบ ท่านก็หลับตาลงนิ...