ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เป็นวัว ๑๑ ชาติ


     หนังสือกฎแห่งกรรมมีเรื่องราวบันทึกไว้ว่าที่มณฑลเห่อหนัน มีนายแพทย์คนหนึ่งชอบกินเนื้อวัวเป็นชีวิตจิตใจ ทุกครั้งที่เขาถูกเชิญให้ไปรักษาคนไข้ตามบ้าน หากเจ้าของบ้านเชิญให้รับประทานอาหารโดยบนโต๊ะไม่มีเนื้อวัว เขาก็จะแสดงความไม่พอใจอย่างออกหน้าออกตาแถมพูดจาติเตียนเหน็บแนมว่า
     "บ้านหลังนี้จะเลี้ยงอาหารทั้งทีไม่มีความจริงใจ!" เสร็จแล้วก็จะจากไปโดยไม่ยอมรับประทาน
     ต่อมาเมื่อนายแพทย์คนนี้ตายไป วิญญาญได้ตกลงสู่นรกขณะที่คุกเข่าอยู่ต่อหน้าพญายมเพื่อพิจารณาผลกรรมที่ทำไว้ ข้างๆเขาก็มีวิญญาณของคนในตำบลเดียวกัน ซึ่งมีอาชีพฆ่าวัวคุกเข่าอยู่ด้วย ทันทีที่คนฆ่าวัวเห็นเขามาถึงก็ชี้หน้าด่าว่า
     "ถ้าพวกแกไม่กิน ฉันก็ไม่ต้องฆ่า!"
      นายแพทย์ผู้ชอบกินเนื้อวัวมาตลอดชีวิต ก็สวนไปทันควันว่า
     "ถ้าแกไม่ฆ่า...ฉันก็ไม่ซื้อกินหรอก!"
     วิญญาณทั้งสองโต้เถียงกันอย่างไม่ลดราวาศอก ต่างโยนความผิดให้แก่กันและกัน
     พญายมผู้เป็นใหญ่ในนรก จึงตวาดเสียงดังด้วยความโกรธว่า
     "วัวควายเป็นสัตว์ประเสริฐ ใช้หยาดเหงื่อแรงกายไถนา
      จนได้ข้าวมาเลี้ยงชีวิตผู้คน
      พวกเจ้าไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ
      ซ้ำยังฆ่าเขากินเลือดกินเนื้อ
      ทั้งคนกินและคนฆ่า มีโทษทัณ์เท่ากัน
      ใครก็รู้อยู่แก่ใจว่า กินมาก ก็ต้องฆ่ามาก
      กินน้อย ก็ฆ่าน้อย
      ไม่มีคนกิน ก็ย่อมไม่ต้องฆ่า
     นี่คือ หลักของความเป็นจริง
      จงฟังคำพิพากษาของเรา!
      เจ้า!..คนที่เข่นฆ่าชีวิตสัตว์ทั้งหลาย
      เป็นพวกมือโหดใจเหี้ยมต้องไปรับโทษในขุมนรก!
      ส่วนเจ้า!...ผู้ที่ชอบกินเนื้อวัว ยามมีชีวิตอยู่เป็นหมอแต่กลับปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทขาดความจริงใจ ไม่รับผิดชอบ จ่ายยาให้คนไข้ผิด ทำให้เขาต้องตายไปรวมทั้งสิ้น ๑๑ คน
      เจ้าต้องไปเกิดเป็นวัว ๑๑ ชาติ  และถูกเขาฆ่าตายเพื่อชดใช้ชีวิตทั้ง ๑๑ ชาติ"
     เรื่องราวทั้งหมดนี้ นาย ถู ซี หลิง ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงที่ตนได้ถอดวิญญาณไปพบเห็นในนรกภูมิ จึงเขียนเล่าให้คนในโลกมนุษย์รับรู้
     เรื่องราวนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในปีสุดท้ายของกษัตริย์ เหยินจงแห่งราชวงศ์ชิง



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สละเนื้อช่วยนก

ในกาลก่อน เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่บำเพ็ญโพธิสัตว์ธรรม ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า     วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ที่ผอมโซ กำลังบินไล่ล่านกตัวเล็กๆ หมายจะกินเป็นอาหาร วิหกน้อยหวาดกลัวเป็นอันมาก มันพยายามบินหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจนสุดกำลัง ครั้นได้แลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับอันอยู่มิไกล นกน้อยตัวนั้นจึงโผบินลงสู่อ้อมอก ของพระองค์ทันที    พญาเหยี่ยวไม่กล้าติดตามเข้าไปใกล้ ได้แต่เฝ้าบินวนอยู่ไม่ไปไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ พญาเหยี่ยวผู้หิวโหยจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า    "ข้าแต่พระโพธิสัตว์เจ้า!  พระองค์อยากช่วยนกตัวเล็กๆ  แล้วจะปล่อยให้ข้าบาทต้องอดตายหรืออย่างไร?"     พระมหาโพธิสัตว์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทรงยิ้มแล้วตรัสแก่พญานกว่า     "ท่านประสงค์จะกินสิ่งใด เพื่อคลายหิวเล่า?"     พญาเหยี่ยวได้ทูลตอบทันทีว่า     "ข้าพระองค์ อยากกินเนื้อเป็นอาหาร"     พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า    " ถ้าเช่นนั้นเรายินดีมอบเนื้อของเรา ให้เป็นอาหารแก่ท่านแทนเนื้อข...

วงเวียนกรรม

     สมุดบันทึกการเข่นฆ่าของ หวง เสียง ฝ่าน เขียนเล่าว่า       "เวลานี้บ้านเมืองเกิดกลียุคจิตใจของผู้คนต่ำ ไม่ว่าจะไปทิศทางไหน ก็พบแต่การกระทำที่เหี้ยมโหด ทุกแห่งหนมีแต่ปล้น ฆ่า ฟันแทง แก่งแย่งชิงความเป็นใหญ่ มุ่งประหัตประหารซึ่งกันและกัน ผู้คนล้มตายกลาดเกลื่อนราวกับชีวิตไร้ค่า คนเห็นคนเหมือนไม่ใช่คน ฆ่าฟันกันได้เหมือนผักปลา ความหายนะปกคลุกไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ทั้งเด็กเล็กผู้ใหญ่หนุ่มสาวและคนชราต่างมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดมนอันน่าสะพรึงกลัว..."      ในขณะนั้น มีบัณฑิตคนหนึ่งนามว่า หลี่ เผย เต๋อ มีชีวิตอยู่เห็นเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ก็ได้แต่รำพึงด้วยความสลดหดหู่ใจว่า "ไม่น่าเกิดเรื่องเช่นนี้ในโลกนี้เลย...ไม่น่าเลย..."       ต่อมาเขาได้ฝันว่าบนเขาสูงมีนักพรตผู้สำเร็จธรรมแล้วท่านหนึ่งมีนามว่า "กวน หลิน เต้า จ่าง" บัณฑิตผู้ต้องการค้นหาคำตอบจึงดั้นด้นปีนขึ้นไปบนภูเขา เมื่อพบท่านนักพรตแล้วเขาก็กราบนมัสการเรียนถามท่านว่า       "เหตุใดในสากลโลกนี้ มนุษย์จะต้องพานพบกับชะตากรรมอันเลวร้าย "ฉนคนดีๆจึงต้องล้...

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

     ในสมัยราชวงศ์ หมิง มีนักปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง นามว่า หวง จี่ ซื่อ แม้ว่าในขณะนั้นแผ่นดินจะร้อนระอุไปด้วยเภทภัยรอบด้าน ผู้คนล้มตายลงอย่างน่าอนาถ แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นสร้างความดี โดยมิได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย      จิตใจของ หวง จี่ ซือ มีแต่ความเมตตาห่วงใย เอื้ออาทรต่อทุกชีวิต เขาทราบว่าบนเขามีพระสงฆ์ผู้ซึ่งบรรลุธรรมสูงสุดสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและเหตุการณ์ความเป็นไปทั้งหลายในโลก หวง จี่ ซือ ผู้บำเพ็ญธรรมจึงเดินทางขึ้นเขาเพื่อขอคำชี้แนะจากท่าน เขาได้กราบนมัสการถามพระอริยสงฆ์องค์นั้นว่า       "ข้าแต่พระคุรเจ้าผู้สูงยิ่งด้วยบารมีธรรม เวลานี้ผู้คนนับล้านล้มตายลงมากมายเนื่องด้วยภัยพิบัตินานับประการ ยากที่จะมีใครรอดพ้นได้ ขอพระคุณเจ้าได้โปรดเมตตาชี้แนะวิธีที่สามารถจะหยุดยั้งมหันตภัยนั้นให้ได้ทันการ ด้วยเถิด"       พระคุณเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ดวงหน้าของท่านมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า      " มีอย่างเดียว...อย่าฆ่าสัตว์! จงช่วยกันปลดปล่อยชีวิตสัตว์ทั้งหลายเถิด"       กล่าวจบ ท่านก็หลับตาลงนิ...