ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ผู้นำที่แท้จริง


   ในรัชสมัยราชวงศ์  ซ้ง  ท่านอ๋อง  เฉิน ทั่ง  เป็นผู้ที่ทรงคุณธรรม ต่อเบื้องบนพระองค์เคารพยำเกรงยึดมั่นในหลักธรรมของฟ้า  ต่อเบื้องล่างก็ทรงรักใคร่เมตตาประชาราษฎร  ขณะนั้นเป็นเวลาที่พระองค์กำลังฟื้นฟูทะนุบำรุงบ้านเมือง
   วันหนึ่งท่านอ๋องได้เสด็จออกไปตรวจดูความเป็นอยู่ของราษฎร  ไม่ว่าพระองค์จะทอดพระเนตรไปทางไหนก็ทรงพบเห็นแต่ แห อวน ตาข่าย ซึ่งชาวบ้านตั้งขึ้นไว้เพื่อดักสัตว์ เจ้าของกับดักต่างพากันพร่ำอธิษฐานอยู่แต่ว่า
              "สัตว์ที่อยู่บนฟ้าก็ขอให้บินลงมา
              สัตว์ที่อยู่บนพื้นดิน ก็ขอให้วิ่งเข้ามา
              สัตว์ที่อยู่ข้างล่างก็ขอให้โผล่ขึ้นมา
              ขอให้สัตว์ทั้งหลายเข้ามาอยู่ในกับดักของข้าพเจ้าด้วยเถิด"
   ท่านอ๋องได้ยินคำอธิษฐานเหล่านี้แล้ว ก็ทรงรู้สึกสลดหดหู่พระทัยสงสารราษฎรของพระองค์ยิ่งนัก ที่พากันลุ่มหลงก่อแต่บาปเวรไม่รู้จักจบสิ้น
   ครั้นแล้วท่านอ๋อง เฉิน ทั่ง ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาจิต จึงเสด็จตรงไปที่ตาข่ายของชาวบ้านทั้งหลาย ทรงเปิดตาข่ายออกทั้งสามด้าน ให้เหลือเพียงด้านเดียว แล้วแหงนพระพักตร์ขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับกล่าวอธิษฐานด้วยพระสุรเสียงอันดังว่า
              "สัตว์ที่มาจากท้องฟ้าก็ขอให้บินสู่เบื้องบน
               สัตว์ที่อยู่บนพื้นดิน ก็ขอให้วิ่งออกไป
               สัตว์ที่อยู่เบื้องล่าง ก็ขอให้มุดลงดิน
               สัตว์ที่มีชีวิตทั้งหลายจงหนีไปให้หมด  อย่าได้เข้ามาสู่กับดักของผู้ใดเลย
               ขอให้แห อวน ตาข่าย ทั้งหลายเป็นที่อยู่ของสัตว์ที่ตายแล้วเท่านั้นเถิด"
   ชาวบ้านผู้มาตั้งกับดักสัตว์ ได้ยินเช่นนั้นแล้วรู้สึกซาบซึ้งในความมีพระทัยเมตตาของท่านอ๋อง ต่างก็เชื่อฟังและเลิกดักจับสัตว์
   แม้กระนั้นท่านอ๋อง เฉิน ทั่ง ก็ยังทรงวิตกห่วงใยว่าประชาชนในแผ่นดินที่ยังฝักใฝ่ในการล่าดักจับสัตว์นั้นยากที่จะเปลี่ยนนิสัยได้ในเวลาอันสั้น พระองค์จึงมีพระราชโองการออกคำสั่งให้ตัดแหออกทั้งสามด้านเหลือไว้เพียงหนึ่งด้านเท่านั้น
   ด้วยพระปรีชาญาณอันวิริยะพากเพียรและเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา ที่พระองค์ทรงอบรมสั่งสอนให้ละเว้นจากการเบียดเบียนฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เป็นเหตุให้ประชาชนลดการสร้างบาปกรรมลงได้อย่างมากมายมหาศาล ท่านอ๋อง เฉิน ทั่ง จึงสมกับเป็นผู้นำที่ห่วงใยเมตตารักใคร่เหล่าทวยราษฎร์ของพระองค์อย่างแท้จริง
   

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สละเนื้อช่วยนก

ในกาลก่อน เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่บำเพ็ญโพธิสัตว์ธรรม ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า     วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ที่ผอมโซ กำลังบินไล่ล่านกตัวเล็กๆ หมายจะกินเป็นอาหาร วิหกน้อยหวาดกลัวเป็นอันมาก มันพยายามบินหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจนสุดกำลัง ครั้นได้แลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับอันอยู่มิไกล นกน้อยตัวนั้นจึงโผบินลงสู่อ้อมอก ของพระองค์ทันที    พญาเหยี่ยวไม่กล้าติดตามเข้าไปใกล้ ได้แต่เฝ้าบินวนอยู่ไม่ไปไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ พญาเหยี่ยวผู้หิวโหยจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า    "ข้าแต่พระโพธิสัตว์เจ้า!  พระองค์อยากช่วยนกตัวเล็กๆ  แล้วจะปล่อยให้ข้าบาทต้องอดตายหรืออย่างไร?"     พระมหาโพธิสัตว์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทรงยิ้มแล้วตรัสแก่พญานกว่า     "ท่านประสงค์จะกินสิ่งใด เพื่อคลายหิวเล่า?"     พญาเหยี่ยวได้ทูลตอบทันทีว่า     "ข้าพระองค์ อยากกินเนื้อเป็นอาหาร"     พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า    " ถ้าเช่นนั้นเรายินดีมอบเนื้อของเรา ให้เป็นอาหารแก่ท่านแทนเนื้อข...

วงเวียนกรรม

     สมุดบันทึกการเข่นฆ่าของ หวง เสียง ฝ่าน เขียนเล่าว่า       "เวลานี้บ้านเมืองเกิดกลียุคจิตใจของผู้คนต่ำ ไม่ว่าจะไปทิศทางไหน ก็พบแต่การกระทำที่เหี้ยมโหด ทุกแห่งหนมีแต่ปล้น ฆ่า ฟันแทง แก่งแย่งชิงความเป็นใหญ่ มุ่งประหัตประหารซึ่งกันและกัน ผู้คนล้มตายกลาดเกลื่อนราวกับชีวิตไร้ค่า คนเห็นคนเหมือนไม่ใช่คน ฆ่าฟันกันได้เหมือนผักปลา ความหายนะปกคลุกไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ทั้งเด็กเล็กผู้ใหญ่หนุ่มสาวและคนชราต่างมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดมนอันน่าสะพรึงกลัว..."      ในขณะนั้น มีบัณฑิตคนหนึ่งนามว่า หลี่ เผย เต๋อ มีชีวิตอยู่เห็นเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ก็ได้แต่รำพึงด้วยความสลดหดหู่ใจว่า "ไม่น่าเกิดเรื่องเช่นนี้ในโลกนี้เลย...ไม่น่าเลย..."       ต่อมาเขาได้ฝันว่าบนเขาสูงมีนักพรตผู้สำเร็จธรรมแล้วท่านหนึ่งมีนามว่า "กวน หลิน เต้า จ่าง" บัณฑิตผู้ต้องการค้นหาคำตอบจึงดั้นด้นปีนขึ้นไปบนภูเขา เมื่อพบท่านนักพรตแล้วเขาก็กราบนมัสการเรียนถามท่านว่า       "เหตุใดในสากลโลกนี้ มนุษย์จะต้องพานพบกับชะตากรรมอันเลวร้าย "ฉนคนดีๆจึงต้องล้...

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

     ในสมัยราชวงศ์ หมิง มีนักปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง นามว่า หวง จี่ ซื่อ แม้ว่าในขณะนั้นแผ่นดินจะร้อนระอุไปด้วยเภทภัยรอบด้าน ผู้คนล้มตายลงอย่างน่าอนาถ แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นสร้างความดี โดยมิได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย      จิตใจของ หวง จี่ ซือ มีแต่ความเมตตาห่วงใย เอื้ออาทรต่อทุกชีวิต เขาทราบว่าบนเขามีพระสงฆ์ผู้ซึ่งบรรลุธรรมสูงสุดสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและเหตุการณ์ความเป็นไปทั้งหลายในโลก หวง จี่ ซือ ผู้บำเพ็ญธรรมจึงเดินทางขึ้นเขาเพื่อขอคำชี้แนะจากท่าน เขาได้กราบนมัสการถามพระอริยสงฆ์องค์นั้นว่า       "ข้าแต่พระคุรเจ้าผู้สูงยิ่งด้วยบารมีธรรม เวลานี้ผู้คนนับล้านล้มตายลงมากมายเนื่องด้วยภัยพิบัตินานับประการ ยากที่จะมีใครรอดพ้นได้ ขอพระคุณเจ้าได้โปรดเมตตาชี้แนะวิธีที่สามารถจะหยุดยั้งมหันตภัยนั้นให้ได้ทันการ ด้วยเถิด"       พระคุณเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ดวงหน้าของท่านมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า      " มีอย่างเดียว...อย่าฆ่าสัตว์! จงช่วยกันปลดปล่อยชีวิตสัตว์ทั้งหลายเถิด"       กล่าวจบ ท่านก็หลับตาลงนิ...