ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ไฟแค้นจิ้งจอก


     ในสมัยราชวงศ์ ชิง ที่มณฑล เหว่ย หนาน เศรษฐีเจ้าของโรงรับจำนำใหญ่แห่งหนึ่งชื่อ หวง เมี้ยว แม้ว่าเขาจะร่ำรวยมากแล้วแต่ก็ไม่รู้จักคำว่าพอ คอยคิดแต่จะเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นอยู่เสมอไม่ว่าเรื่องอะไร
     วันหนึ่งเขาต่อเติมขยายบ้านที่อยู่อาศัย จนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของคนอื่น ขณะกำลังโต้เถียงกันอยู่ เขาเหลือบไปเห็นลูกสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆ ๓ ตัวไต่อยู่บนกำแพงจึงใช้ไม้ไล่ตีใครห้ามเขาก็ไม่ฟังอ้างว่า
     "มันจะไม่ได้ต้องเข้ามาในบ้านข้า!"
     หวงเมี้ยวตีลูกสุนัขจิ้งจอกตายไป ๒ ตัว มีตัวหนึ่งหนีรอดไปได้ นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ครอบครัวของเขาก็ประสบเหตุการณ์ร้ายๆแทบทุกวัน ไม่เคยได้อยู่อย่างสงบเลย
     จนกระทั่งย่างเข้าเดือนสิบสอง โรงรับจำนำของเขาก็เกิดไฟไหม้โดยไม่รู้สาเหตุ แต่ก็สามารถดับได้ทัน เขาเชื่อว่าจะต้องเกิดจากแรงอาฆาตของลูกสุนัขจิ้งจอกที่ถูกเขาทำร้ายอย่างแน่นอน
     หวงเมี้ยว เดินทางไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ แซ่จาง ผู้ซึ่งมีความรอบรู้ในเรื่องเวทมนต์ อาจารย์จางได้ให้ผ้ายันต์ผืนหนึ่งมาติดที่หน้าบ้าน เหตุการณ์ร้ายๆก็มีทีท่าว่าจะสงบลง แต่ไม่กี่เดือนต่อมาเพทภัยต่างๆก็เกิดขึ้นอีกซ้ำยังรุนแรงยิ่งกว่าเดิมจนเขาไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร
     ดังนั้น หวงเมี้ยว จึงตัดสินใจขายโรงจำนำ โดยไปติดต่อเสนอขายให้แก่เศรษฐี เฉิน แต่แล้วก่อนหน้าที่จะมีการตกลงซื้อขายกันเพียงวันเดียว ในตอนกลางวันขณะที่เศรษฐี เฉิน กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ ก็ได้ยินเสียงดังมาจากเพดานว่า
     "ข้ากับคนแซ่ หวง มีความแค้นต่อกัน!
     ขอท่านจงอย่าเชื่อคำพูดของเขา...อย่าได้ซื้อโรงจำนำของเขาเลย!
     เศรษฐีเฉิน เล่าเรื่องเสียงที่ได้ยินให้ภรรยาของเขาฟัง ทั้งคู่ปรึกษากันแล้วก็เลิกล้มความคิดที่จะซื้อโรงจำนำของ หวงเมี้ยว
     ชีวิตการงานและธุรกิจของ หวงเมี้ยวทรุดโทรมย่ำแย่ลงทุกวัน จนปีหนึ่งผ่านไปราวเดือนสามโรงรับจำนำของเขาก็ถูกไฟไหม้วอดวาย กลายเป็นคนสินเนื้อประดาตัวไม่มีอะไรเหลือ!
      เราคงจะเห็นแล้วว่า "กฎแห่งกรรม" เป็นของมีจริงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สละเนื้อช่วยนก

ในกาลก่อน เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่บำเพ็ญโพธิสัตว์ธรรม ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า     วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ที่ผอมโซ กำลังบินไล่ล่านกตัวเล็กๆ หมายจะกินเป็นอาหาร วิหกน้อยหวาดกลัวเป็นอันมาก มันพยายามบินหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจนสุดกำลัง ครั้นได้แลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับอันอยู่มิไกล นกน้อยตัวนั้นจึงโผบินลงสู่อ้อมอก ของพระองค์ทันที    พญาเหยี่ยวไม่กล้าติดตามเข้าไปใกล้ ได้แต่เฝ้าบินวนอยู่ไม่ไปไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ พญาเหยี่ยวผู้หิวโหยจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า    "ข้าแต่พระโพธิสัตว์เจ้า!  พระองค์อยากช่วยนกตัวเล็กๆ  แล้วจะปล่อยให้ข้าบาทต้องอดตายหรืออย่างไร?"     พระมหาโพธิสัตว์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทรงยิ้มแล้วตรัสแก่พญานกว่า     "ท่านประสงค์จะกินสิ่งใด เพื่อคลายหิวเล่า?"     พญาเหยี่ยวได้ทูลตอบทันทีว่า     "ข้าพระองค์ อยากกินเนื้อเป็นอาหาร"     พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า    " ถ้าเช่นนั้นเรายินดีมอบเนื้อของเรา ให้เป็นอาหารแก่ท่านแทนเนื้อข...

วงเวียนกรรม

     สมุดบันทึกการเข่นฆ่าของ หวง เสียง ฝ่าน เขียนเล่าว่า       "เวลานี้บ้านเมืองเกิดกลียุคจิตใจของผู้คนต่ำ ไม่ว่าจะไปทิศทางไหน ก็พบแต่การกระทำที่เหี้ยมโหด ทุกแห่งหนมีแต่ปล้น ฆ่า ฟันแทง แก่งแย่งชิงความเป็นใหญ่ มุ่งประหัตประหารซึ่งกันและกัน ผู้คนล้มตายกลาดเกลื่อนราวกับชีวิตไร้ค่า คนเห็นคนเหมือนไม่ใช่คน ฆ่าฟันกันได้เหมือนผักปลา ความหายนะปกคลุกไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ทั้งเด็กเล็กผู้ใหญ่หนุ่มสาวและคนชราต่างมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดมนอันน่าสะพรึงกลัว..."      ในขณะนั้น มีบัณฑิตคนหนึ่งนามว่า หลี่ เผย เต๋อ มีชีวิตอยู่เห็นเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ก็ได้แต่รำพึงด้วยความสลดหดหู่ใจว่า "ไม่น่าเกิดเรื่องเช่นนี้ในโลกนี้เลย...ไม่น่าเลย..."       ต่อมาเขาได้ฝันว่าบนเขาสูงมีนักพรตผู้สำเร็จธรรมแล้วท่านหนึ่งมีนามว่า "กวน หลิน เต้า จ่าง" บัณฑิตผู้ต้องการค้นหาคำตอบจึงดั้นด้นปีนขึ้นไปบนภูเขา เมื่อพบท่านนักพรตแล้วเขาก็กราบนมัสการเรียนถามท่านว่า       "เหตุใดในสากลโลกนี้ มนุษย์จะต้องพานพบกับชะตากรรมอันเลวร้าย "ฉนคนดีๆจึงต้องล้...

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

     ในสมัยราชวงศ์ หมิง มีนักปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง นามว่า หวง จี่ ซื่อ แม้ว่าในขณะนั้นแผ่นดินจะร้อนระอุไปด้วยเภทภัยรอบด้าน ผู้คนล้มตายลงอย่างน่าอนาถ แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นสร้างความดี โดยมิได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย      จิตใจของ หวง จี่ ซือ มีแต่ความเมตตาห่วงใย เอื้ออาทรต่อทุกชีวิต เขาทราบว่าบนเขามีพระสงฆ์ผู้ซึ่งบรรลุธรรมสูงสุดสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและเหตุการณ์ความเป็นไปทั้งหลายในโลก หวง จี่ ซือ ผู้บำเพ็ญธรรมจึงเดินทางขึ้นเขาเพื่อขอคำชี้แนะจากท่าน เขาได้กราบนมัสการถามพระอริยสงฆ์องค์นั้นว่า       "ข้าแต่พระคุรเจ้าผู้สูงยิ่งด้วยบารมีธรรม เวลานี้ผู้คนนับล้านล้มตายลงมากมายเนื่องด้วยภัยพิบัตินานับประการ ยากที่จะมีใครรอดพ้นได้ ขอพระคุณเจ้าได้โปรดเมตตาชี้แนะวิธีที่สามารถจะหยุดยั้งมหันตภัยนั้นให้ได้ทันการ ด้วยเถิด"       พระคุณเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ดวงหน้าของท่านมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า      " มีอย่างเดียว...อย่าฆ่าสัตว์! จงช่วยกันปลดปล่อยชีวิตสัตว์ทั้งหลายเถิด"       กล่าวจบ ท่านก็หลับตาลงนิ...