ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กรรมทันตา


     ที่มณฑล เจียงซี อำเภอ หลูหลิง มีพรานล่าสัตว์คนหนึ่งชื่อ อู่ถัง ฝีมือยิงธนูของเขาเก่งฉกาจมาก ทุกครั้งที่ออกไปล่าสัตว์ นายพรานผู้นี้จะพาลูกชายไปด้วยเสมอ
     วันหนึ่ง ขณะที่อู่ถังกำลังแอบซุ่มดักสัตว์ ก็เหลือบไปเห็นแม่กวางเดินเที่ยวเล่นอยู่ไม่ไกล ลูกกวางตัวน้อยรู้สึกอบอุ่นและเป็นสุขใจอย่างยิ่งที่ได้อยู่ใกล้ๆแม่
     ขณะนั้นเองนายพรานอู่ถัง ก็น้าวคันธนูยิงออกไป เพียงเสี้ยววินาทีลูกธนูอันแหลมคมก็พุ่งแหวกอากาศไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าตรงเข้าเสียบทะลุสีข้างของลูกกวางทันที! ความแรงของลูกธนูทำให้ลูกกวางล้มลง และแล้วชีวิตของลูกกวางน้อยก็ถูกพิฆาตให้ดับดิ้นตายจากแม่ของมันไปในเวลาไม่กี่อึดใจ!
     แม่กวางเห็นลูกน้อยแสนรักตายไปต่อหน้าโดยมิทันได้ปกป้อง ก็หวีดร้องออกมาเหมือนดังจะขาดใจ มันวิ่งอ้อมไปอ้อมมาพร้อมกับใช้ลิ้นเลียบาดแผลเพื่อให้เลือดหยุดไหล แม่กวางพยายามใช้จมูกทั้งดันทั้งเขย่าตัวลูกกวางอยู่ตลอดเวลา หวังจะให้ลูกน้อยฟื้นคืนกลับมามันเป็นภาพที่แสนรันทดใจเสียเหลือเกิน...
     แต่นายพรานนักยิงธนูไม่รู้สึกสำนึกแต่ประการใด เขายังคงแอบซุ่มอยู่ในพงหญ้า ยามที่แม่กวางกำลังเฝ้าพิร่ำพิไรเสียใจที่ลูกน้อยตายจาก อู่ถังก็ยิงธนูตรงเข้าสังหารแม่กวางไปอีกชีวิตหนึ่งทันที! เขากระหยิ่มยิ้มย่องภูมิใจในฝีมือยิงธนูของตนยิ่งนัก
     ขณะที่กำลังจะก้าวออกไปเอากวางสองแม่ลูก แผล็บเดียวเขาก็เห็นกวางลายวิ่งอยู่ในพงหญ้า ด้วยสัญชาติญาณที่คล่องแคล่วชำนาญของนายพรานนักล่า อู่ถังยิงธนูเข้าไปในกอหญ้าที่ไหวไปมาทันที แหม! ออกล่าสัตว์วันนี้ช่างโชคดีเสียจริงๆ...เขาคิดอยู่ในใจพร้อมกับวิ่งเข้าไปดู
     อะไรกันนี่! ภาพที่ปรากฎอยู่ต่อหน้าเขามันไม่ใช่กวางลายแต่กลับกลายมาเป็นลูกชายของเขาเอง อู่ถังรีบตรงเข้าไปอุ้มลูกรักขึ้น ลนลานประคองกอดร่างของลูกชายสุดที่รักไว้แนบอกและร้องไห้ไม่หยุด แต่อนิจจา...ลูกชายของเขาไม่อาจทนต่อความเจ็บปวดได้จึงสิ้นใจตายไปในเวลาไม่นาน!
     ขณะที่ อู่ถัง ร่ำไห้คร่ำครวญเสียใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ที่ลูกชายสุดแสนรักเพียงคนเดียวต้องมาตายลงด้วยน้ำมือของเขาเอง ฉับพลันทันใดก็มีเสียงดังก้องฟ้าลงมาว่า
     "อู่ถัง!...อู่ถัง!...แม่กวางรักลูก ความรักอันบริสุทธิ์นี้เป็นธรรมชาติของฟ้า
     เช่นเดียวกับที่เจ้ารักลูกของเจ้าเอง...มีอะไรที่แตกต่างกัน?
     ก็แล้วทำไมเจ้ายังไปทำร้ายผู้อื่น?
     อู่ถังตกใจจนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก ขณะที่เขากำลังจะเงยหน้าขึ้นมองฟ้าก็มีเสือโคร่งตัวใหญ่ กระโจนออกมาจากพงหญ้าพุ่งเข้ากัดแขนของเขาที่ใช้ยิงธนูจนขาดกระเด็น
     อู่ถัง นักล่าสัตว์ล้มกลิ้งจมกองเลือด สุดท้ายก็ขาดใจตายตามลูกชายของตนไป!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สละเนื้อช่วยนก

ในกาลก่อน เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่บำเพ็ญโพธิสัตว์ธรรม ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า     วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ที่ผอมโซ กำลังบินไล่ล่านกตัวเล็กๆ หมายจะกินเป็นอาหาร วิหกน้อยหวาดกลัวเป็นอันมาก มันพยายามบินหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจนสุดกำลัง ครั้นได้แลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับอันอยู่มิไกล นกน้อยตัวนั้นจึงโผบินลงสู่อ้อมอก ของพระองค์ทันที    พญาเหยี่ยวไม่กล้าติดตามเข้าไปใกล้ ได้แต่เฝ้าบินวนอยู่ไม่ไปไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ พญาเหยี่ยวผู้หิวโหยจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า    "ข้าแต่พระโพธิสัตว์เจ้า!  พระองค์อยากช่วยนกตัวเล็กๆ  แล้วจะปล่อยให้ข้าบาทต้องอดตายหรืออย่างไร?"     พระมหาโพธิสัตว์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทรงยิ้มแล้วตรัสแก่พญานกว่า     "ท่านประสงค์จะกินสิ่งใด เพื่อคลายหิวเล่า?"     พญาเหยี่ยวได้ทูลตอบทันทีว่า     "ข้าพระองค์ อยากกินเนื้อเป็นอาหาร"     พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า    " ถ้าเช่นนั้นเรายินดีมอบเนื้อของเรา ให้เป็นอาหารแก่ท่านแทนเนื้อข...

วงเวียนกรรม

     สมุดบันทึกการเข่นฆ่าของ หวง เสียง ฝ่าน เขียนเล่าว่า       "เวลานี้บ้านเมืองเกิดกลียุคจิตใจของผู้คนต่ำ ไม่ว่าจะไปทิศทางไหน ก็พบแต่การกระทำที่เหี้ยมโหด ทุกแห่งหนมีแต่ปล้น ฆ่า ฟันแทง แก่งแย่งชิงความเป็นใหญ่ มุ่งประหัตประหารซึ่งกันและกัน ผู้คนล้มตายกลาดเกลื่อนราวกับชีวิตไร้ค่า คนเห็นคนเหมือนไม่ใช่คน ฆ่าฟันกันได้เหมือนผักปลา ความหายนะปกคลุกไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ทั้งเด็กเล็กผู้ใหญ่หนุ่มสาวและคนชราต่างมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดมนอันน่าสะพรึงกลัว..."      ในขณะนั้น มีบัณฑิตคนหนึ่งนามว่า หลี่ เผย เต๋อ มีชีวิตอยู่เห็นเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ก็ได้แต่รำพึงด้วยความสลดหดหู่ใจว่า "ไม่น่าเกิดเรื่องเช่นนี้ในโลกนี้เลย...ไม่น่าเลย..."       ต่อมาเขาได้ฝันว่าบนเขาสูงมีนักพรตผู้สำเร็จธรรมแล้วท่านหนึ่งมีนามว่า "กวน หลิน เต้า จ่าง" บัณฑิตผู้ต้องการค้นหาคำตอบจึงดั้นด้นปีนขึ้นไปบนภูเขา เมื่อพบท่านนักพรตแล้วเขาก็กราบนมัสการเรียนถามท่านว่า       "เหตุใดในสากลโลกนี้ มนุษย์จะต้องพานพบกับชะตากรรมอันเลวร้าย "ฉนคนดีๆจึงต้องล้...

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

     ในสมัยราชวงศ์ หมิง มีนักปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง นามว่า หวง จี่ ซื่อ แม้ว่าในขณะนั้นแผ่นดินจะร้อนระอุไปด้วยเภทภัยรอบด้าน ผู้คนล้มตายลงอย่างน่าอนาถ แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นสร้างความดี โดยมิได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย      จิตใจของ หวง จี่ ซือ มีแต่ความเมตตาห่วงใย เอื้ออาทรต่อทุกชีวิต เขาทราบว่าบนเขามีพระสงฆ์ผู้ซึ่งบรรลุธรรมสูงสุดสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและเหตุการณ์ความเป็นไปทั้งหลายในโลก หวง จี่ ซือ ผู้บำเพ็ญธรรมจึงเดินทางขึ้นเขาเพื่อขอคำชี้แนะจากท่าน เขาได้กราบนมัสการถามพระอริยสงฆ์องค์นั้นว่า       "ข้าแต่พระคุรเจ้าผู้สูงยิ่งด้วยบารมีธรรม เวลานี้ผู้คนนับล้านล้มตายลงมากมายเนื่องด้วยภัยพิบัตินานับประการ ยากที่จะมีใครรอดพ้นได้ ขอพระคุณเจ้าได้โปรดเมตตาชี้แนะวิธีที่สามารถจะหยุดยั้งมหันตภัยนั้นให้ได้ทันการ ด้วยเถิด"       พระคุณเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ดวงหน้าของท่านมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า      " มีอย่างเดียว...อย่าฆ่าสัตว์! จงช่วยกันปลดปล่อยชีวิตสัตว์ทั้งหลายเถิด"       กล่าวจบ ท่านก็หลับตาลงนิ...