ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ผลของเมตตาจิต


     คนแซ่ ฟั่น อาศัยอยู่ในมณฑล เจียงซู ภรรยาของเขาได้ป่วยเป็นวัณโรค อาการหนักมากใกล้จะตายแต่มีหมอแนะนำให้ใช้มันสมองของนกกระจอก ๑๐๐ ตัว มากินเป็นยา และต้องกินให้ได้ครบตามจำนวนภายใน ๒๑ วัน จะขาดไปสักตัวเดียวก็ไม่ได้ มิเช่นนั้นการรักษาก็จะไร้ผล
     นายฟั่น ผู้เป็นสามีจึงรีบออกหาซื้อนกกระจอกจนได้ครบ ๑๐๐ ตัว เขาตั้งใจจะนำมาใช้รักษาภรรยาผู้เป็นที่รักยิ่งของตน แต่เมื่อภรรยาของเขาทราบก็โกรธเคืองมาก และพูดขึ้นว่า
     "ข้าพเจ้าคนเดียวก็มีชีวิตเดียว แต่เพียงเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้ กลับต้องทำลายชีวิตผู้อื่นถึงหนึ่งร้อยชีวิต เช่นนี้แล้วข้าพเจ้ายอมตายเสียดีกว่า นกกระจอกแม้แต่ตัวเดียวข้าพเจ้าก็จะไม่ยอมให้ท่านฆ่า และหากแม้นว่าท่านรักข้าพเจ้าอย่างแท้จริง ก็จงปล่อยนกทั้งหมดไปเถิด ทำได้เช่นนี้ข้าพเจ้าจึงจะสบายใจและเป็นสุข"
     ฝ่ายสามีเมื่อได้ฟังคำวิงวอนของภรรยาแล้วก็ใจอ่อน เขาจึงตัดสินใจปล่อยนกไปทั้งหมด หลังจากนั้นไม่นานนักภรรยาของเขาก็มีอาการดีขึ้น โรคร้ายก็ค่อยๆทุเลาลงและหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ โดยที่นางไม่ได้กินยาใดๆเลย
     ในปีต่อมา ภรรยาของเขาก็ได้ให้กำเนิดลูกชายที่น่ารักน่าเอ็นดูคนหนึ่ง แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับสองสามีภรรยาอย่างมากก็คือ ที่กลางฝ่ามือของทารกน้อยมีปานแดงเป็นรูปนกปรากฎชัดอยู่ทั้งสองข้าง
     จะเห็นได้ว่า อานิสงแห่งคุณความดีที่ทั้งคู่ปล่อยนกไปถึงหนึ่งร้อยชีวิต ไม่ใช่เพียงช่วยให้ภรรยาของเขาหายป่วย แต่ยังได้ลูกชายอีกคนหนึ่งด้วย กล่าวได้ว่า ในครอบครัวเดียวมีเรื่องที่น่ายินดีเกิดขึ้นถึง ๒ เรื่อง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สละเนื้อช่วยนก

ในกาลก่อน เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่บำเพ็ญโพธิสัตว์ธรรม ยังมิได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า     วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเหยี่ยวตัวใหญ่ที่ผอมโซ กำลังบินไล่ล่านกตัวเล็กๆ หมายจะกินเป็นอาหาร วิหกน้อยหวาดกลัวเป็นอันมาก มันพยายามบินหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจนสุดกำลัง ครั้นได้แลเห็นพระบรมโพธิสัตว์ประทับอันอยู่มิไกล นกน้อยตัวนั้นจึงโผบินลงสู่อ้อมอก ของพระองค์ทันที    พญาเหยี่ยวไม่กล้าติดตามเข้าไปใกล้ ได้แต่เฝ้าบินวนอยู่ไม่ไปไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ พญาเหยี่ยวผู้หิวโหยจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า    "ข้าแต่พระโพธิสัตว์เจ้า!  พระองค์อยากช่วยนกตัวเล็กๆ  แล้วจะปล่อยให้ข้าบาทต้องอดตายหรืออย่างไร?"     พระมหาโพธิสัตว์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทรงยิ้มแล้วตรัสแก่พญานกว่า     "ท่านประสงค์จะกินสิ่งใด เพื่อคลายหิวเล่า?"     พญาเหยี่ยวได้ทูลตอบทันทีว่า     "ข้าพระองค์ อยากกินเนื้อเป็นอาหาร"     พระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า    " ถ้าเช่นนั้นเรายินดีมอบเนื้อของเรา ให้เป็นอาหารแก่ท่านแทนเนื้อข...

วงเวียนกรรม

     สมุดบันทึกการเข่นฆ่าของ หวง เสียง ฝ่าน เขียนเล่าว่า       "เวลานี้บ้านเมืองเกิดกลียุคจิตใจของผู้คนต่ำ ไม่ว่าจะไปทิศทางไหน ก็พบแต่การกระทำที่เหี้ยมโหด ทุกแห่งหนมีแต่ปล้น ฆ่า ฟันแทง แก่งแย่งชิงความเป็นใหญ่ มุ่งประหัตประหารซึ่งกันและกัน ผู้คนล้มตายกลาดเกลื่อนราวกับชีวิตไร้ค่า คนเห็นคนเหมือนไม่ใช่คน ฆ่าฟันกันได้เหมือนผักปลา ความหายนะปกคลุกไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ทั้งเด็กเล็กผู้ใหญ่หนุ่มสาวและคนชราต่างมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความมืดมนอันน่าสะพรึงกลัว..."      ในขณะนั้น มีบัณฑิตคนหนึ่งนามว่า หลี่ เผย เต๋อ มีชีวิตอยู่เห็นเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ก็ได้แต่รำพึงด้วยความสลดหดหู่ใจว่า "ไม่น่าเกิดเรื่องเช่นนี้ในโลกนี้เลย...ไม่น่าเลย..."       ต่อมาเขาได้ฝันว่าบนเขาสูงมีนักพรตผู้สำเร็จธรรมแล้วท่านหนึ่งมีนามว่า "กวน หลิน เต้า จ่าง" บัณฑิตผู้ต้องการค้นหาคำตอบจึงดั้นด้นปีนขึ้นไปบนภูเขา เมื่อพบท่านนักพรตแล้วเขาก็กราบนมัสการเรียนถามท่านว่า       "เหตุใดในสากลโลกนี้ มนุษย์จะต้องพานพบกับชะตากรรมอันเลวร้าย "ฉนคนดีๆจึงต้องล้...

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

     ในสมัยราชวงศ์ หมิง มีนักปฏิบัติธรรมผู้หนึ่ง นามว่า หวง จี่ ซื่อ แม้ว่าในขณะนั้นแผ่นดินจะร้อนระอุไปด้วยเภทภัยรอบด้าน ผู้คนล้มตายลงอย่างน่าอนาถ แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นสร้างความดี โดยมิได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย      จิตใจของ หวง จี่ ซือ มีแต่ความเมตตาห่วงใย เอื้ออาทรต่อทุกชีวิต เขาทราบว่าบนเขามีพระสงฆ์ผู้ซึ่งบรรลุธรรมสูงสุดสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและเหตุการณ์ความเป็นไปทั้งหลายในโลก หวง จี่ ซือ ผู้บำเพ็ญธรรมจึงเดินทางขึ้นเขาเพื่อขอคำชี้แนะจากท่าน เขาได้กราบนมัสการถามพระอริยสงฆ์องค์นั้นว่า       "ข้าแต่พระคุรเจ้าผู้สูงยิ่งด้วยบารมีธรรม เวลานี้ผู้คนนับล้านล้มตายลงมากมายเนื่องด้วยภัยพิบัตินานับประการ ยากที่จะมีใครรอดพ้นได้ ขอพระคุณเจ้าได้โปรดเมตตาชี้แนะวิธีที่สามารถจะหยุดยั้งมหันตภัยนั้นให้ได้ทันการ ด้วยเถิด"       พระคุณเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ดวงหน้าของท่านมีรอยยิ้มปรากฎขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า      " มีอย่างเดียว...อย่าฆ่าสัตว์! จงช่วยกันปลดปล่อยชีวิตสัตว์ทั้งหลายเถิด"       กล่าวจบ ท่านก็หลับตาลงนิ...